'ชัยธวัช' กางwatchlist อัดรัฐหยุดคุกคามกลุ่มเห็นต่าง จ่อร้องเอาผิด
'ชัยธวัช' กางwatchlist อัดรัฐหยุดคุกคามกลุ่มเห็นต่าง จ่อร้องเอาผิด
ที่พรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงกรณีมีการเปิเผยบัญชีความมั่นคงปรากฏรายชื่อผู้ที่ถูกขึ้นบัญชี watchlist หรือให้ ‘จับตา’ จำนวน 183 คน รวมถึงบัญชี social media อีก 19 ราย
พรรคก้าวไกลได้ตรวจสอบและพิจารณาเอกสาร watchlist ดังกล่าวแล้วมีความเห็นและข้อสังเกตดังต่อไปนี้
หนึ่ง รายชื่อบุคคลที่ถูกจับตาในบัญชีความมั่นคงนี้ ส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยประชาชนและนักกิจกรรมที่ออกมาแสดงออกทางการเมืองวิพากษ์วิจารณ์และขับไล่รัฐบาล
รวมทั้งบุคคลที่ออกมาเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่อายุไม่เกิน 30 ปี และมีเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปี อย่างน้อย 2 ราย นอกจากนี้ยังมี สื่อมวลชน ศิลปิน เอ็นจีโอ นักกฎหมาย และนักสิทธิมนุษยชนหลายราย เช่น ประวิตร โรจนพฤกษ์ สื่อมวลชน ,ปรัชญา สุรกำจรโรจน์ และ ทักษกร มุสิกรักษ์ จากวง RAD, บารมี ชัยรัตน์ จากสมัชชาคนจน, เยาวลักษ์ อนุพันธุ์ และ ภาวินี ชุมศรี จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ และ ณัชปกร นามเมือง จาก iLaw
สอง ในบัญชีความมั่นคงนี้ ยังมีนักการเมืองอีก 8 คน ซึ่ง 7 คนอยู่ในพรรคก้าวไกลและอดีตพรรคอนาคตใหม่ ได้แก่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค, นางอมรัตน์ โชคปมิตกุล กรรมการบริหารพรรค, นายรังสิมันต์ โรม รองเลขาธิการพรรค , นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล, และน.ส.พรรณิการ์ วานิช ซึ่งปัจจุบันคือแกนนำคณะก้าวหน้า
“พรรคก้าวไกลพิจารณาลักษณะของเอกสารดังกล่าวแล้วเห็นว่า บัญชีความมั่นคงนี้น่าจะเป็นเอกสารจริง ซึ่งสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับพวกเราในช่วงที่ผ่านมา เช่น กรณีของ อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล ซึ่งเพิ่งเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเยี่ยมภรรยา เมื่อไปที่เคาน์เตอร์ออกตั๋วที่สนามบินก็เกิดปัญหาไม่สามารถเช็คอินน์ได้ในทันที จนต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ว่าตนเองไม่ได้มีหมายจับหรือคำสั่งศาลห้ามเดินทางออกนอกประเทศ นอกจากนี้ ที่ผ่านมาอาจารย์ปิยบุตรก็ถูกเจ้าหน้าในเครื่องแบบติดตามตลอดเวลา ทั้งจอดรถรถเฝ้าหน้าหมู่บ้านหรือการขับรถติดตาม กรณีของคุณพรรณิการ์ วานิช พบว่ามีคนแอบเอาเครื่อง gps ติดตามไว้ใต้รถซึ่งพบโดยบังเอิญเมื่อนำรถไปล้างแล้วเจอแผ่นโลหะสีดำติดอยู่ใต้ท้องรถ ขณะที่คุณธนาธร คุณพิธา คุณรังสิมันต์ คุณอมรัตน์ และผมก็ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบติดตามเป็นประจำ”
เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวต่อไปว่า จากพฤติการณ์ที่กล่าวมาเห็นชัดว่า การติดตามบุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีเฝ้าระวังไม่ได้จำกัดเฉพาะที่ ตม. เท่านั้น เอกสารของ ตม. ที่ปรากฏออกมานั้นเป็นแค่ปลายทาง แต่เชื่อว่าบัญชีความมั่นคงเหล่านี้ถูกส่งมาจากหน่วยงานความมั่นคงที่เหนือกว่านั้นและกระจายไปยังกลไกต่างๆ ของทั้ง ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานในกระทรวงมหาดไทย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง จะต้องมีส่วนรู้เห็นและรับผิดชอบต่อเรื่องนี้
นายชัยธวัช ย้ำว่า ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยุติการมองว่าประชาชนเป็นภัยความมั่นคง เพราะท่านต่างหากที่เป็นภัยความมั่นคงของชาติสูงสุดขณะนี้ ยิ่งพยายามอยู่ในอำนาจต่อไปเท่าไหร่ ความเสียหายต่อบ้านเมืองจะยิ่งร้ายแรงมากขึ้น กระทั่งท่านและพวกพ้องจะไม่สามารถชดใช้ได้ในที่สุด
เบื้องต้นได้สอบถามไปยังบุคคลอื่นนอกพรรคก้าวไกลว่าคิดเห็นอย่างไร ถ้าพบหลักฐานชัดเจนว่า เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบจะดำเนินการทางกฎหมายทันที ซึ่งตรงนี้ศาลทุจริตสามารถดำเนินการได้ แต่ยอมรับว่ามีความยากในการหาหลักฐานเพราะส่วนใหญ่เป็นการใช้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ ขณะนี้มีเพียงเอกสารลับของ ตม.ที่หลุดออกมาเพียงชิ้นเดียว อย่างไรก็ตามก็มีกรณีชัดเจน เช่น การติดตามคุณรังสิมันต์ ที่มีการบันทึกภาพได้โดยกล้องวงจรปิด
“การมีชื่อในบัญชีและถูกติดตามเชื่อว่าเชื่อมโยงกันหมดโดยมีต้นทางจากหน่วยงานความมั่นคง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดแค่ที่สนามบิน แต่ไม่ว่าหน้าบ้าน ที่ทำงาน หรือที่อื่นๆก็พบพฤติกรรมเหล่านี้ ซึ่งนอกจากเป็นคุกคามสิทธิเสรีภาพยังทำให้หวาดกลัวด้วย เราเป็นนักการเมืองยังรู้สึกได้ แล้วประชาชนจะหวาดกลัวแค่ไหน สมมติผมขับรถไปรอลูกสาว พล.อ.ประยุทธ์ ที่หน้าบ้านทุกวัน แล้วขับรถตามตลอดเวลาจะรู้สึกอย่างไร แต่ถ้าทำอย่างนั้นผมก็คงจะถูกดำเนินคดีไปแล้ว ดังนั้น จึงต้องถามว่ารัฐใช้หน้าที่อะไรมาทำแบบนี้กับพวกเราหรือกับประชาประชาชน ซึ่งต้องบอกว่าไม่มีนักการเมืองจากพรรคพลังประชารัฐอยู่ในบัญชีรายชื่อนี้เลย ทั้งที่บางคนเคยเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดด้วยซ้ำ เราเป็นฝ่ายค้านเพียงพรรคเดียวที่โดนแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร จะต้องมีคำอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น”
อย่างไรก็ดีจะมีการพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่ นายชัยธวัชตอบว่า เบื้องต้นได้สอบถามไปยังบุคคลอื่นนอกพรรคก้าวไกลว่าคิดเห็นอย่างไร ถ้าพบหลักฐานชัดเจนว่า เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบจะดำเนินการทางกฎหมายทันที