SNNP ปักธงบุกเวียดนามตามยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตในอาเซียน

SNNP ปักธงบุกเวียดนามตามยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตในอาเซียน

SNNP รุกตลาดเวียดนาม ตามแผนยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตในภูมิภาคอาเซียน ชูกลยุทธ์ Localization Strategy ขับเคลื่อนธุรกิจ พร้อม ผนึก ททท. เปิดแคมเปญ 'เบนโตะ' 'ดึง 'คิทตี้ – ชิชา' ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ สร้างแบรนด์ Extreme Snack เจาะคนรุ่นใหม่

นายฐากร ชัยสถาพร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจต่างประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP หนึ่งในผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของประเทศไทยเปิดเผยว่า หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ SNNP มีฐานทุนที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับแผนการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ โดยประเทศเวียดนามถือเป็นตลาดที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการผลักดันการเติบโต หลังเข้าลงทุนผ่าน S.T. Food Marketing Co., Ltd. เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ในประเทศเวียดนาม ซึ่งล่าสุดได้วางแผนทำตลาดเชิงรุกผ่านแคมเปญการตลาดเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์สินค้าและผลักดันการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทุกช่องทางจำหน่าย

ทั้งนี้ กลยุทธ์หลักที่บริษัทฯ ใช้ในการรุกตลาดเวียดนามคือการประยุกต์และพัฒนาธุรกิจให้สอดรับกับตลาดท้องถิ่น (Localization strategy) โดยดำเนินกลยุทธ์ในหลายด้านๆพร้อมกัน ทั้งการตั้งฐานการผลิต การกระจายสินค้าที่เข้าถึงช่องทางการจัดจำหน่ายในวงกว้าง และการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์สินค้าให้อยู่ในใจของผู้บริโภคในพื้นที่ โดยได้เปิดตัวแคมเปญอย่างยิ่งใหญ่ "Bento set you self free, fire!!!" และโปรโมชั่น "Bento Adrenaline & Extreme Amazing Thailand Tours" ในช่วงไตรมาส 4/2564 โดยได้รับเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ณ นครโฮจิมินห์ ในฐานะตัวแทนสินค้าไทยที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศเวียดนามเพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยที่น่าจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาได้ในปีหน้าหลักจากสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย พร้อมดึงแนนโน๊ะ "คิทตี้ - ชิชา อมาตยกุล" นักแสดงนำจากซีรีส์ Girl From Nowhere ที่โด่งดังไปทั่วโลก ขึ้นแท่นเป็นพรีเซ็นเตอร์เบนโตะในเวียดนามอีกด้วย

สำหรับ แนนโน๊ะ "คิทตี้ - ชิชา อมาตยกุล" เป็นไอดอลที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ในประเทศเวียดนามชื่นชอบ และซีรีส์เรื่องดังกล่าวกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศเวียดนาม จนขึ้นเทรนด์ Netflix อันดับหนึ่ง โดยคิทตี้จะเป็นตัวแทนของแบรนด์เบนโตะที่มาถ่ายทอดความเผ็ชในแบบฉบับของเบนโตะ ที่มีความเเป็นตัวของตัวเอง ผ่านไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เพื่อตอกย้ำผลิตภัณฑ์ขนมทานเล่นที่มีเอกลักษณ์ความเผ็ดสไตล์เอเชียนสไปซี่ และเป็น Extreme Snack ที่ส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ค้นพบศักยภาพสุด Extreme ของตนเอง ซึ่งเป็นการสร้างประสบการณ์ร่วมระหว่างเบนโตะและผู้บริโภค

นายฐากร กล่าวว่า บริษัทฯ ยังได้เตรียมจัดกิจกรรมสื่อสารการตลาดแบบครบวงจรเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม ผ่านสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Zalo ซึ่งเป็น Chat Application ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศเวียดนาม รวมทั้งสื่อโฆษณานอกบ้าน (OHM) และสื่อโฆษณา ณ จุดขาย โดยคาดว่ากิจกรรมดังกล่าวจะสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากกว่า 40 ล้านคน และคาดว่าจะสร้างยอดขายให้เติบโตได้ประมาณ 20% จากการขยายฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

ปัจจุบัน 'เบนโตะ' เป็นแบรนด์ขนมทานเล่นที่มีความแข็งแกร่งและได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดเวียดนาม ทำให้ล่าสุด Gojek ผู้ให้บริการฟูดส์เดลิเวอรี่ในระดับอาเซียน ได้นำผลิตภัณฑ์ 'เบนโตะ' จัดจำหน่ายและสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านโฆษณา สำหรับเป็นอาหารว่างในระหว่างรับชมซีรีส์ในช่วง Work From Home ที่เริ่มเป็นกระแสที่เพิ่มขึ้นมากในเวียดนามในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเร่งกระจายสินค้าในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยร่วมกับบริษัท Chance and Challenge Co., Ltd. พันธมิตรหลักของบริษัทฯ ในการพัฒนาการกระจายสินค้าในประเทศเวียดนาม ขยายตัวแทนจำหน่ายในช่องทางการค้าปลีกแบบดั้งเดิมในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นช่องทางการกระจายสินค้าที่ครองสัดส่วนกว่าร้อยละ 80 ของการกระจายสินค้า FMCG ในเวียดนามให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ เพื่อให้การกระจายสินค้าของบริษัทฯ มีศักยภาพครอบคลุมได้ครบทั้งช่องทางร้านค้าปลีกดั้งเดิมและร้านค้าปลีกสมัยใหม่

ทั้งนี้หลังจาก SNNP เริ่มดำเนินการผลิตและจัดจำหน่ายในเวียดนาม จะช่วยสร้างความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งที่ลดลง รวมทั้งการผสมผสานการทำตลาดอย่างต่อเนื่องจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันรายได้รวมจากตลาดต่างประเทศให้เติบโต เป็น 3 เท่าภายใน 5 ปี ตามแผนระยะยาวที่วางไว้

"SNNP พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจในอาเซียนด้วยแบรนด์พอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย รวมถึงการวางรากฐานการผลิตและระบบจัดจำหน่ายสินค้าทั้งในประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่มีฐานประชากรกว่า 250 ล้านคนในกลุ่มประเทศ CLMVและไทย และยังจะเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกไปยังตลาดใหม่ๆ ทั่วโลกในอนาคต โดยใช้เวียดนามเป็นประเทศยุทธศาสตร์เพื่อสร้างการเติบโตของเรา เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยผลักดันรายได้จากต่างประเทศให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด" นายฐากร กล่าว