ปธ.สอบข้อเท็จจริง ชี้ ผอ.รพ. นำไฟเซอร์ฉีดให้คนอื่น ผิดเงื่อนไขให้ สสจ. ตัดสินโทษ
ประธานกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ชี้ ผอ.รพ.ในพื้นที่โคราช นำวัคซีนไฟเซอร์ ฉีดให้คนอื่นที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ทำผิดเงื่อนไขชัดเจน เร่งส่งเรื่องให้ สสจ. พิจารณาตัดสินโทษ
ความคืบหน้า กรณีที่มีการแชร์ต่อในโลกโซเชี่ยล ถึงรายชื่อผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ โควตาของโรงพยาบาล ในจ.นครราชสีมา ซึ่งพบว่า ในจำนวน 144 ราย ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ มีรายชื่อของภรรยา ผอ.โรงพยาบาล ที่ทำงานอยู่ในคลินิกเอกชน และสามีของหัวหน้ากลุ่มเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งเปิดร้านขายยารวมอยู่ด้วย
จนมีการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก ว่าทั้ง 2 คนนี้ไม่ได้เป็นบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า เหตุใดจึงได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขจัดสรรมาให้ สำหรับฉีดบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า
นายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา หลังได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงถึงกรณีที่เกิดขึ้น โดยแต่งตั้ง นพ.วิชาญ คิดเห็น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฯ ประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว
ล่าสุด นพ.วิชาญฯ ประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ได้เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่เกิดขึ้นว่า ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้ว โดยพบว่า มีการนำวัคซีนไฟเซอร์ไปฉีดให้กับบุคคลโดยผิดเงื่อนไขจริง ซึ่งมีอยู่ 3 ราย ได้แก่ 1. ภรรยาของ ผอ.รพ. 2.สามีของหัวหน้ากลุ่มเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค และ 3 คนงานในร้านขายยาของเภสัชกรดังกล่าว
เบื้องต้น ผู้ถูกสอบสวนชี้แจงมาว่า ได้กระทำการโดยเข้าใจว่า เป็นบุคลากรด่านหน้าเช่นกัน เพราะลักษณะงานใกล้ชิดเสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อ ซึ่งต่อจากนี้ ตนจะได้รวบรวมหลักฐานข้อเท็จจริงทั้งหมด ส่งให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฯ ได้พิจารณาและวินิจฉัยข้อถูกผิด ก่อนจะตัดสินลงโทษต่อไป
ตนเป็นเพียงคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเท่านั้น ไม่ใช่คณะกรรมการพิจารณาตัดสิน จึงไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าผลจะออกมาเช่นไร แต่ข้อเท็จจริงก็ปรากฏชัดเจนอยู่แล้วว่า ล็อตนี้ให้จัดสรรให้กับบุคลากรด่านหน้าจริงๆ ก่อน ซึ่ง 138 รายชื่อที่แจ้งมา ตรวจสอบแล้วเป็นบุคลากรด่านหน้าของ รพ.เฉลิมพระเกียรติจริง 135 รายชื่อ ส่วนอีก 3 รายชื่อดังกล่าว ไม่เข้าเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้ในล็อตนี้ จึงถือว่ากระทำผิดเงื่อนที่ได้กำหนดเอาไว้