'วิโรจน์' อัดแก้พ.ร.บ.โรคติดต่อ สอดไส้-เปลี่ยนยุทธวิธีนิรโทษ
'วิโรจน์' อัดแก้พ.ร.บ.โรคติดต่อ เปลี่ยนยุทธวิธีนิรโทษ ยันเดินหน้าขวาง
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่รัฐบาลได้มี มติ ครม. เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 64 เห็นชอบที่จะแก้ไข พ.ร.บ.โรคติดต่อ แทนการออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมเหมาเข่งล่วงหน้า ที่ถูกประชาชนต่อต้านเป็นจำนวนมาก โดยนายวิโรจนยืนยันว่าการกระทำเช่นนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนยุทธวิธีนิรโทษกรรมเอาตัวเองให้พ้นผิดของรัฐบาล เพราะไม่สามารถรับมือพลังต่อต้านของประชาชนได้ แต่โดยยุทธศาสตร์ยังเป็นการหมกมุ่นหาทางเอาตัวรอดของรัฐบาลที่บริหารผิดพลาดจนทำคนเจ็บป่วยล้มตายทั่วประเทศ
“โดนประชาชนต่อต้านจนต้องล้มแผนออกพ.ร.ก.นิรโทษกรรมตัวเอง แต่ยังพยายามมาสอดไส้นิรโทษกรรมต่อในพ.ร.บ.โรคติดต่อ การทำแบบนี้สะท้อนว่ารัฐบาลนี้ รู้ดีว่าตนเองกำลังก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชน แต่แทนที่จะมีสามัญสำนึก คิดที่จะรับผิดชอบ ที่จะออกกฎหมายในการชดเชยเยียวยาให้กับประชาชนที่สูญเสียและได้รับผลกระทบ กลับเอาเวลาไปคิดหมกมุ่นแต่เรื่องจะออกกฎหมายเพื่อปกป้องตนเองให้พ้นจากความรับผิดทั้งปวง
นี่เป็นความพยายาม ที่จะเอาความเหนื่อยยากของบุคลากรทางการแพทย์ด้านหน้า และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติงานอยู่หน้างาน มาแอบอ้างเพื่อ "สอดไส้" ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่งล่วงหน้าให้กับตนเอง และพวกพ้องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายในการจัดหาวัคซีน การควบคุมการระบาด การรักษาพยาบาล และนโยบายในการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งหมด”
นายวิโรจน์ยังยืนยันว่า บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข พี่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ด่านหน้า ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายที่มีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ เพียงแต่กฎหมายทั้ง 3 ฉบับนี้ ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงฝ่ายนโยบายและศบค. เท่านั้น
“ถ้ารัฐบาลนี้ห่วงใยในตัวบุคลากรด่านหน้าจริง คงไม่มีข้อคิดเห็นข้อที่ 10 ที่ระบุว่า ถ้าให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีน Pfizer เป็นเข็มที่ 3 จะเท่ากับยอมรับว่าวัคซีน Sinovac ไม่มีผลในการป้องกันและจะแก้ตัวได้ลำบากมากขึ้น คงไม่มีหลักเกณฑ์ที่จะฉีด Pfizer ให้คนบุคลากรด่านหน้าที่ฉีด Sinovac มาแล้ว 2 เข็มเท่านั้น ออกมา คงไม่ปล่อยให้บุคลากรทำงานด่านหน้า ภายใต้ความจำกัดของชุด PAPR ชุด PPE และงานธุรการวุ่นวายในการเบิกจ่ายยาและเวชภัณฑ์ ที่ทำให้แพทย์ลำบากใจอย่างที่เป็นอยู่”
นายวิโรจน์ย้ำว่า พรรคก้าวไกลจะต่อต้านการสอดไส้นิรโทษกรรมตัวเองของรัฐบาลอย่างถึงที่สุด เพราะหากปล่อยให้รัฐบาลสอดไส้เนื้อหาการนิรโทษกรรมเหมาเข่งล่วงหน้า เข้าไปที่ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ได้สำเร็จ คนที่เสียประโยชน์สูงสุด คือ ประชาชน เพราะว่าเมื่อกฎหมายนี้บังคับใช้ ประชาชนที่เสียชีวิต ตลอดจนเด็กกำพร้า ที่ต้องมาสูญเสียชีวิตพ่อแม่จากการบริหาร การควบคุมการระบาดที่ผิดพลาด ของรัฐบาล, ประชาชนที่ถูกเลื่อนฉีดวัคซีนจนต้องมาติดโควิด และเสียชีวิต, ประชาชนที่ประสบกับผลข้างเคียงอย่างรุนแรงจากการฉีดวัคซีนแบบสลับชนิดระหว่าง Sinovac และ AstraZeneca ทั้งๆที่ไม่ได้มีงานวิจัย ที่ตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการทางการแพทย์ในระดับนานาชาติยืนยันมาก่อน, ประชาชนที่ต้องปิดกิจการ ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องแบกหนี้สินมหาศาล จากความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐบาล ทั้งหมดนี้ อาจฟ้องร้องการชดเชยเยียวยาใดๆ จากรัฐบาลไม่ได้เลย