เอาผิด 'ผู้ปกครอง' ปล่อยเด็กร่วมม็อบดินแดง คุก 3 เดือน ปรับ 3 หมื่น
นครบาล สรุป 'ม็อบ 22 ส.ค. ตำรวจเจ็บ 8 นาย จับผู้ชุมนุม 42 คน พบเป็นเด็ก-เยาวชน แจงหากผู้ปกครองส่งเสริมเข้าข่ายผิดพรบ.คุ้มครองเด็กด้วย เตรียมร้องขอต่ออัยการ ริบ ปืน-รถจักรยายนต์ เป็นของแผ่นดิน
23 ส.ค.2564 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. และ โฆษกบช.น. เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมในการดูแลสถานการณ์ชุมนุมว่า วันนี้มีการประกาศนัดชุมนุม 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัดหมายเวลา 09.00 น. ที่บริเวณหน้ากระทรวงยุติธรรม 2.กลุ่มทะลุแก๊ส นัดหมายเวลา 17.30 น. ที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง ทางบช.น. ขอแจ้งเตือนว่า พื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวด การกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่มีลักษณะการรวมตัวมีการกระทำที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อโรคจะเป็นความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.ควบคุมโรค
จากการชุมนุม เมื่อวันที่ 22 ส.ค.เมื่อเวลา 17.00 น. ของกลุ่มผู้ก่อความวุ่นวาย ใช้ชื่อว่ากลุ่มทะลุแก๊สที่บริเวณแยกดินแดง โดยได้มีการใช้ความรุนแรงต่างๆ ขว้างปาสิ่งของ ลูกหิน ประทัดยักษ์ พลุไฟ ระเบิดเพลิง ระเบิดปิงปอง ในบริเวณดังกล่าวเป็นระยะๆ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 8 นาย และมีทรัพย์สินที่เป็นสาธารณะประโยชน์, ของทางราชการและเอกชนเสียหายจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 42 คน พร้อมยึดรถจักรยานยนต์ได้ 27 คัน ระเบิดปิงปอง 35 ลูก และอาวุธปืน ,เครื่องกระสุนปืน ระเบิดแสวงเครื่อง อีกจำนวนหนึ่ง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีใน 4 ข้อหา
1.ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าคนในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดฯ ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2.มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ 3.เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมเลิกแต่ผู้นั้นไม่เลิก 4.มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนกรณีที่ผู้ปกครองส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิดนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 30,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีรถจักรยานยนต์ อาวุธปืน วัตถุระเบิด ของกลางต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้ พนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินการแจ้งพนักงานอัยการให้ร้องขอต่อศาล เพื่อริบของกลางดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า สรุปการดำเนินคดีกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ในห้วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 92 คดี ผู้ต้องหาทั้งหมด 523 คน ติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 266 คน ภาพรวมการดำเนินคดีของ บช.น. ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน มีจำนวน 341 คดี สอบสวนเสร็จ 200 คดี อยู่ระหว่างสอบสวน 141 คดีโดยขณะนี้ บช.น. ได้ทำการออกหมายเรียกผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมอีกจำนวน 118 คน เป็นกลุ่มแกนนำ 16 หมาย และกลุ่มผู้ชุมนุม 102 หมาย ในข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และความผิดอื่นๆที่เกี่ยวข้องต่อไป
เมื่อถามว่ากรณีที่มีเหตุตำรวจอควบคุมฝูงชน ปะทะกับมวลชนบริเวณพื้นที่ริมถนนวิภาวดีรังสิตขอออกที่เข้าหน้าที่ได้เข้าไปขวางการมวลชนที่กำลังขับรถจยย.หลบหนีดูลักษณะเหมือนมีความรุนแรงนั้น พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกตร. กล่าวว่า ในการจับกุมที่ดำเนินการหลังจากที่ประกาศเตือนมีการใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักมีการดำเนินการทุกรูปแบบ มีการผลักดันเข้าออกภายนอก หากมองว่าภาพความรุนแรงนั้น อยากให้มองอีกมุมหนึ่ง คือเป็นการดำเนินการเพื่อระงับยับยั้งการก่อเหตุความวุ่นวายทั้งหมด เมื่อวานหรือในหลายวันที่ผ่านมาไม่ใช้การเคลื่อนไหวที่ออกมาเรียกร้องอะไรแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการปรับแผนในการจับกุม บอกให้หยุดก็ไม่หยุด ใช้น้ำผสมก๊าซฉีดก็ไม่ถอยไม่ไปความเสียหายที่เกิดขึ้น ต้องมีการระงับยับยั้งจับกุม จนล่าสุดจับกุมได้ดังกล่าว กรณีของรถจยย.ที่ทุกคนเห็นก็ดี ที่มีการวิ่งหนีออกจากพื้นที่ก็ดี ถ้าเทียบกับการจับกุมในประเทศอื่น ผู้ที่เป็นผู้ก่อเหตุคงไม่ยืนหรือนั่งอยู่เฉยให้จับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจมีแนวทางที่ทำการจับกุมลักษณะดังกล่าว
เมื่อถามว่ายังเรียกว่าเป็นผู้ชุมนุมหรือเป็นเด็กแว้นที่มาก่อเหตุในพื้นที่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ตนจะไม่ใช้คำว่าผู้ชุมนุม แต่เป็นผู้ที่ก่อความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ไม่ได้มีส่วนในการเรียกร้องใด ละเมิดกฎหมาย ส่วนแถวทางป้องกันไม่ให้มีการขับรถจักรยานยนต์ขึ้นทางด่วนนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้ทุกมาตรการในการดูแลความสงบเรียบร้อย ไม่ว่าจะแจ้งเตือนประกาศให้ยุติการดำเนินการ มอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สั่งให้ดำเนินการหลายอย่าง ตั้งจุดตรวจจุดสกัด หรือมีเจ้าหน้าที่ติดตาม
ส่วนจะตั้งด่านสกัดไม่ให้กลุ่มที่จะก่อเหตุเข้าถึงพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดงหรือไม่นั้น คงจะมีหลายๆ มาตรการ ทางตำรวจมีการปรับมาตรการในการดำเนินการต่างๆ วันต่อไปอาจจะมีวิธีการหรือมาตรการเสริมการปฏิบัติ เพื่อแยกแยะประชาชนที่ก่อเหตุและประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ทั่วไป ส่วนการปฏิบัติเมื่อวานนี้เป็นการปฏิบัติตามยุทธวิธีที่ถูกต้อง เป็นการวางแผนเอาไว้ก่อนแล้ว ทางตำรวจได้มีการเว้นระยะห่างและใช้อุปกรณ์ต่างๆ โดยที่ผ่านมาได้มีการปิดหัวปิดท้าย จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเข้ารักษาความสงบ
เมื่อถามว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีการนัดหมายตำรวจมีการเตรียมความพร้อมระยะยาวอย่างไร พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ผบ.ตร. เคยกำชับว่า กลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีกติกาอะไร แต่เจ้าหน้าที่มีกฎหมาย ระเบียบ มาตรฐานการต่างๆ ที่ต้องปฏิบัติ ผู้กระทำผิดได้ละเมิดกฎหมายได้ แต่เราเป็นผู้รักษากฎหมายต้องรักษามาตรฐานของเราเอาไว้ ส่วนที่มีการเชิญชวนร่วมชุมนุมผ่านโซเซี่ยลมีเดีย บช.น.ประสาน บช.สอท. ทำการตรวจสอบดำเนินคดี
เมื่อถามว่า ส่วนกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวถูกดำเนินคดีและออกมาก่อเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเกี่ยวกับการประกันตัวอย่างไร พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ตำรวจมองเห็นว่าเด็กเป็นผู้เยาว์ต้องเอาใจใส่ดูแล เด็กถูกหลอกลวงถูกบังคับแต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ต้องให้ผู้ปกครองใส่ใจ เนื่องจากเด็กเป็นผู้มีวุฒิภาวะต่ำ ผู้ปกครองเป็นผู้มีวุฒิภาวะสูงแล้ว หากยินยอมส่งเสริมให้เด็กกระทำผิด ผู้ปกครองก็ต้องร่วมรับผิดชอบ
"เหตุการณ์ที่ผ่านมาก็ได้มีการเชิญผู้ปกครองมาทำการสอบสวน กรณีไหนมีความผิดชัดเจนก็ดำเนินคดีกับพ่อแม่ผู้ปกครอง ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินเป็นผู้ชุมนุมอิสระจริงหรือมีใครเบื้องหลัง ยืนยันว่าไม่มีม็อบไหนที่ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง "
เมื่อถามว่ามีการคุยกับฝ่ายการเมืองในการแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ตำรวจเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย การดำเนินการในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง หรือความไม่พอใจในบ้านเมือง มันมีกระบวนการต่างๆ ดำเนินการไม่ว่าจะเป็นกระบวนการผ่านผู้แทน ผ่านองค์กร อีกไม่กี่วันจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนว่าใช้กระบวนการตามกฎหมายที่มีอยู่ ตามครรลองที่ถูกต้อง จะเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี เคยหารือกับแกนนำหลายครั้งว่าการก่อความเรียบร้อยในบ้านเมืองไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ประชาชนเดือดร้อน