‘ยูบิลลี่’ บุกออนไลน์ เลื่อนเปิดสาขา รับมือผู้บริโภคชะลอซื้อเครื่องประดับ
ผู้บริโภคตลาดบนยังมีเงิน แต่ขาดความเชื่อมั่น ชะลอใช้จ่าย โดยเฉพาะ "เครื่องประดับเพชร" ด้าน "ยูบิลลี่" ปรับแผนทันที รวดเร็ว ครึ่งปีหลังคุมผลิตสินค้าตามดีมานด์ โปรโมชั่น เลื่อนเปิดสาขา ลุยออนไลน์ครบทั้งขายอีคอมเมิร์ซ การตลาดดิจิทัล
มาตรการล็อกดาวน์ห้างค้าปลีก กระทบร้านเพชร “ยูบิลลี่” 55-60% สาขาในพื้นที่สีแดงปิดให้บริการ ร้านในเมืองท่องเที่ยวปิดชั่วคราว ปรับกลยุทธ์ผลิตสินค้าตามโปรโมชั่น โยกเครื่องประดับในสต๊อกไปขายในสาขาที่ยังมีลูกค้า ครึ่งปีหลังบุกหนักออนไลน์ ทำตลาดดิจิทัล เจาะเซ็กเมนต์ที่ยังจ่ายไหว
นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 3 ถือว่ามีความยากและท้าทายอย่างมาก เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อค่อนข้างสูง รัฐยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด กระทบร้านเพชรยูบิลลี่ที่มีสาขาในกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงความมั่นใจและอำนาจซื้อของผู้บริโภคที่ไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอย เลื่อนการตัดสินใจซื้อเครื่องประดับเพชรออกไปก่อน แม้จะยังมีกำลังซื้อก็ตาม
ทั้งนี้ ยูบิลลี่ มีร้านเพชรโมเดลต่างๆทั้งยูบิลลี่ แฟล็กชิฟสโตร์, ยูบิลลี่ เคาน์เตอร์, ยูบิลลี่ ช็อป, ยูบิลลี่ เอาท์เล็ท รวม 127 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ซึ่งหลังจากรัฐประกาศมาตรการล็อกดาวน์สกัดโรคโควิดทำให้ร้านยูบิลลี่ต้องปิดให้บริการทั้งสิ้น 55-60% ส่วนสาขาที่อยู่ในเมืองท่องเที่ยว ทั้งภูเก็ต ป่าตอง และหัวหิน ต้องปิดให้บริการชั่วคราวเช่นกัน
สำหรับการบุกตลาดเครื่องประดับเพชร บริษัทมีการปรับการผลิตและออกสินค้าใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมถึงการทำแคมเปญและโปรโมชั่นการตลาดมากขึ้น ส่วนเครื่องประดับที่เคยจำหน่ายในสาขาที่ปิด ต้องโยกไปขายในร้านที่ยังเปิดให้บริการได้ และต้องมีลูกค้าหรือทราฟฟิกจำนวนมาก เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสการขาย
นอกจากนี้ ครึ่งปีหลังกลยุทธ์การทำตลาดที่สำคัญคือบุกช่องทางอีคอมเมิร์ซมากขึ้น สื่อสารการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อตอบสนองผู้บริโภคบางเซ็กเมนต์ที่ยังมีกำลังซื้อ รวมถึงกลุ่มคนอายุ 25-45 ปี ซึ่งเป็นฐานใหญ่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ปัจจุบันยูบิลลี่ มีฐานสมาชิก 1.8 แสนราย โดยลูกค้าใหม่บนออนไลน์สัดส่วนถึง 80% สมาชิกเดิม 20% สนใจซื้อสินค้า เทียบกับช่องทางออฟไลน์เป็นสมาชิก 55-60% ที่เหลือเป็นลูกค้าใหม่ ส่วนการทำตลาดออฟไลน์ จัดอีเวนท์ต่างๆ ยังมีในสาขาต่างจังหวัดที่เปิดให้บริการได้เพื่อกระตุ้นยอดขาย
“บริษัทยังต้องรัดเข็มขัดเต็มที่ หากสถานการณ์โควิดคลี่คลายต้องไม่ประมาท ส่วนครึ่งปีหลังเราจะปักหมุดทำตลาดดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพ รับพฤติกรรมผู้บริโภคใช้เวลาอยู่หน้าจอมากขึ้น ลุยขายเครื่องประดับเพชรรุกช่องทางอีคอมเมิร์ซ ต้องทำต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 3% เท่านั้น หากรัฐคลายล็อกดาวน์ ห้างค้าปลีก และร้านยูบิลลี่กลับมาเปิดใหบริการได้ บริษัทต้องผลักดันยอดขายให้เติบโต เพราะที่มาร้านเดิมหรือ Same store มีการเติบโตสูง”
ด้านแผนการขยายร้านใหม่ ครึ่งปีหลังมีการปรับแผนสอดคล้องกับการเปิดห้างค้าปลีก เบื้องต้นคาดว่าหลังเดือนตุลาคมจะเห็นร้านใหม่ 2-3 สาขา ส่วนที่เหลือเลื่อนไปเปิดในไตรมาส 1 ปี 2565 อย่างไรก็ตาม ร้านเพชรของบริษัท 127 สาขา แบ่งเป็นแบรนด์ยูบิลลี่ 119 สาขา และแบรนด์ฟอร์เอฟเวอร์มาร์ค 8 สาขา ซึ่งเป็นพันธมิตรกับเดอเบียร์ส ในไตรมาส 4 จะมีการรีแบรนด์ร้านใหม่ด้วย
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก บริษัทสร้างยอดขายประมาณ 676 ล้านบาท เติบโต 9.6% ส่วนกำไรสุทธิประมาณ 88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% เดิมบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายทั้งปีเติบโต 10% แต่จากภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสที่มีผู้ติดเชื้อสูง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ต้องรอดูทิศทางธุรกิจไตรมาส 3 เพื่อประเมินการเติบโตอีกครั้ง
“ปีก่อนไทยล็อกดาวน์ราว 1 เดือนครึ่ง ปีนี้เกินกว่า 1 เดือนครึ่งแล้ว พื้นที่สีแดงเข้มกว่าจะคลายล็อกดาวน์คือสิ้นเดือน เราจึงต้องประคับประคองธุรกิจให้ไตรมาส 3 ผ่านไปด้วยดี ตรงไหนปรับได้เราทำทันทีอย่างรวดเร็ว ลูกค้าเซ็กเมนต์ไหนยังใช้จ่าย จะเพิ่มกลยุทธ์การตลาด ออกสินค้าใหม่เจาะกลุ่มเป้าหมายนั้น ส่วนสินค้าคงเหลือ รามีประสบการณ์ล็อกดาวน์ปีก่อน พอรู้และประมาณการณ์ได้”