'คลายล็อกดาวน์' เช็คอัพเดท กิจการ/กิจกรรม ประเภทไหน? ทำได้-ทำไม่ได้ ใน 29 จังหวัด สีแดงเข้ม

วันนี้ (27 ส .ค.2564  ) พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รายงานสถานการณ์ประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ เพิ่มขึ้น 18,702 ราย แบ่งเป็น ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,360 ราย ผู้ติดเชื้อในเรือนจำ  342 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ ราย  ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมระลอกใหม่เดือนเม.ย.2564 จำนวน 1,139,574 ราย ส่วนภาพรวมตั้งแต่ปี 2563 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,139,571ราย

ขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 273  ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2564 มียอดผู้เสียชีวิตสะสมสูงถึง 10,493 คน แล้ว ขณะที่ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม  10,587 คนโดยวันนี้มีผู้ป่วยหายกลับบ้าน  20,163 ราย

ทั้งนี้ มีผู้หายป่วยสะสมระลอกเดือน เม.ย.2564 จำนวน 916,358 ราย สำหรับผู้ป่วยรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 185,200 ราย แบ่งเป็น ในรพ. 22,528ราย และรพ.สนามและอื่นๆ 162,672 ราย อาการหนัก 5,154 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,082 ราย

ผู้รับวัคซีน ข้อมูลตั้งแต่ 28 ก.พ.- 26 ส.ค. 2564 พบว่ามีผู้รับวัคซีนแล้ว 29,504,769 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 22,070573 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 6,860,084 ราย เข็ม3 จำนวน 573,112 ราย

• คลาย'ล็อกดาวน์'ในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด

พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า ที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งได้หารือกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้มีการนำเสนอมาตรการที่มาจากผู้ประกอบการในส่วนต่างๆ เช่น สมาคมผู้ค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า สมาคมภัตตาคารไทย สภาหอการค้าไทย ถึงการจะเปิด กิจการ/กิจกรรม จะต้อทำอย่างไรให้มีความปลอดภัยสอดคล้องกับมาตรการควบคุมโรคและการแพร่ระบาด

“การเสนอมาตรการในครั้งนี้เป็นการควบคุมโรคแนวใหม่ ที่ปลอดภัย ซึ่งในวันนี้ยังไม่มีการปรับพื้นที่จังหวัด ดังนั้น จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มทั้ง 29 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา ระยอง ราชบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี ตาก อ่างทอง นครนายก สมุทรสงคราม และสิงห์บุรี ยังคงมาตรการเข้มงวดเหมือนเดิม และยังคงมาตรการเคอร์ฟิว อย่างน้อย 14 วัน” พญ.อภิสมัย กล่าว

• ‘COVID-Free Setting’ หลักควบคุมกิจการ

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ได้ข้อสรุป คือ ถึงจำนวนผู้ติดเชื้อในปัจจุบันและจำนวนผู้เสียชีวิตจะไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่สภาพการณ์นี้ก็เป็นสถานการณ์ทั่วไปของประเทศต่างๆ ในโลกเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น การควบคุมโรคแนวใหม่จะต้องสมดุลกับการดำเนินชีวิตที่ปลอดภัยจากโควิด-19 โดยมีการพลิกมุมมอง ปรับกลยุทธ์ สร้างความมั่นใจ ให้การควบคุมโรค สอดคล้องกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างปลอดภัย

สำหรับการยกระดับควบคุมโรคสำหรับการเปิด กิจการ/กิจกรรมให้ปลอดภัยจะยึดหลักการ COVID-Free Setting  และ Universal Prevention สำหรับสถานที่เสี่ยงและกลุ่มเสี่ยง

โดย กิจการ/กิจกรรม สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่ต้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว  ได้แก่

• การเปิดบริการร้านอาหาร
• การปรับมาตรการสำหรับกิจการห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์
• การเปิดกิจการ/กิจกรรม ประเภท ร้านเสริมสวย ร้านนวดเฉพาะนวดเท้า
• การใช้อาคารของสถานศึกษา
• การเปิดใช้สนามกีฬา
• การเดินทางข้ามจังหวัด

• มาตรการใหม่ในกิจการ/กิจกรรมเริ่ม 1 ก.ย.นี้

พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่าการใช้มาตรการใหม่ ทั้งแนวปฎิบัติของมาตรการองค์กรด้วยหลัก COVID-Free Setting protocol  และมาตรการ  Universal Prevention นี้ มีมติให้เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้ โดยจะเริ่มในพื้นที่นำร่อง ในสถานประกอบการที่มีความพร้อม และต้องมีการประเมินชัดเจนว่าสถานประกอบการที่จะเปิดกิจการ/กิจกรรม มีความพร้อมในการดำเนินการ อย่างไรก็ตาม มาตรการใหม่นี้ไม่ได้บังคับให้ทุกสถานประกอบการต้องทำทันที แต่สถานประกอบการไหนพร้อมก็สามารถดำเนินการได้ทันที ส่วนไม่พร้อมสามารถสอบถามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้

พญ.อภิสมัย กล่าวด้วยว่า การเดินทางข้ามจังหวัดจากพื้นที่สีแดงเข้มนั้น ขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทาง จะเดินทางได้เมื่อมีเหตุจำเป็นเท่านั้น และขอให้ผู้ติดเชื้อเดินทางตามโครงการรับคนกลับบ้าน/รับผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา หากประชาชนมีความจำเป็นต้องดำเนินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณขอให้จำกัดผู้โดยสารไม่เกิน 75% สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ห้ามรับประทานอาหาร มาตรการสำหรับรถโดยสาร หรือรถตู้ ระยะทางไกลควรแวะพักทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อระบายอาการ และการเดินทางไปทำงานของแรงงาน ให้ใช้ระบบ seal route ตามมาตรการ  Bubble and Seal เท่านั้น

• เช็คแนวปฎิบัติก่อนเปิด‘กิจการ/ร้านค้า’

สำหรับการเปิดบริการร้านอาหารนั้น

• ประเภทร้านอาหารที่อยู่นอกอาหาร หรือในอาคารแต่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ โล่ง อากาศถ่ายเทดี ให้นั่งรับประทานได้ 75%
• ส่วนร้านอาหารที่เป็นห้องมีเครื่องปรับอากาศ ให้นั่งรับประทานได้ 50%
• ผู้ประกอบการต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด
• ต้องมีการกำกับติดตามมาตรการ โดยผู้ประกอบการ สมาคมภัตตาคารไทย และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม.

ส่วนห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ นั้นสามารถเปิดถึงเวลา 20.00 น. โดยจะแบ่งเป็นประเภทร้านต่างๆ ดังนี้

• ร้านเสริมสวย ร้านตัดผมหรือแต่งหน้า เปิดได้เฉพาะตัดผมเท่านั้น ไม่เกิน 1 ชั่วโมง
• ร้านนวดเปิดได้เฉพาะนวดเท่า
• คลินิกเสริมความงาม เปิดจำหน่ายสินค้าเท่านั้น
• ร้านอาหาร เปิดได้ตามเงื่อนไขของมาตรการร้านอาหารที่มีเครื่องปรับอากาศ
• ส่วนสถาบันกวดวิชา โรงภาพยนตร์ สปา สวนสนุก สวนน้ำ ฟิตเนส ห้องออกกำลังกาน สระว่ายน้ำ ห้องจัดประชุม/จัดเลี้ยง ยังไม่สามารถเปิดบริการได้

ขณะที่ การใช้อาคารของสถานศึกษา สามารถใช้ได้ โดยผ่านความเห็นชอบของผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ศธ. อว. และสธ.กำหนดเท่านั้น

เช่นเดียวกับการเปิดใช้สนามกีฬา และสวนสาธารณะ สามารถเปิดดำเนินการได้ 20.00 น. เฉพาะประเภทกลางแจ้ง. หรือสนามกีฬาในร่มที่เป็นที่โล่ง อากาศถ่านเทสะดวก ไม่มีระบบปรับอากาศ  สามารถเปิดสนามกัฬาทุกประเภทสำหรับการฝึกซ้อมของนักกีฬาทีมชาติไทย แบบไม่มีผู้ชม ผู้จัดการแข่งขันต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคและต้องมีการกำกับติดตามมาตรการโดยผู้จัดการแข่งขัน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม.

“การเปิดกิจการ/กิจกรรมครั้งนี้ได้ ต้องขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาคมกีฬา สมาคมภัตตาคาร ฯลฯ เนื่องจากหน่วยงานเหล่านี้ได้เสนอมาตรการเข้มงวด และมีมาตรการติดตาม ซึ่งการกำกับติดตามให้เป็นไปมาตรการที่กำหนดเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก ส่วนสถานประกอบการไหนที่มีความกังวลว่าพนักงานฉีดวัคซีนไม่ครบ ขอให้แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” พญ.อภิสมัย กล่าว