เชียงใหม่ ลุ้น ศบค.ไฟเขียว เปิดเมืองรับ นทท.ต่างชาติ
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ เดินแผน CHARMING Chiang Mai เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ลุ้น ศบค. ประเมินความพร้อม คาดหากไม่ติดปัญหา เปิด 1 ต.ค. 64 วางกรอบไว้ 3 รูปแบบ ในพื้นที่นำร่อง 4 อำเภอ ระบุ 1 ปี 8 เดือนสูญรายได้ 180,000 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 64 นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ตามโครงการ CHARMING Chiang Mai ว่า ขณะนี้แผนการเปิดเมืองเชียงใหม่ เพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินหน้าไปแล้ว กว่า ร้อยละ 90 คาดว่าจะสามารถเปิดรับท่องเที่ยวในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 โดยงรูปแบบการเปิดรับนักท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่แบ่งโปรแกรมการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ 3 รูปแบบด้วยกันคือ รูปแบบที่ 1 โปรแกรมระยะสั้น จำนวน 5 วัน ที่ให้นักท่องเที่ยวอยู่แต่ในพื้นที่ของโรงแรมและสนามกอลฟ์เท่านั้น
รูปแบบที่ 2 โปรแกรมระยะกลาง 14 วัน กำหนดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเดินทางไปได้อย่างจำกัด ในช่วงระยะเวลา 14 วันแรกหลังจากเดินทางเข้ามาในพื้นที่ และรูปแบบที่ 3 โปรแกรมต่อเนื่องจากจังหวัดภูเก็ตแล้ว 7 วัน และเดินทางมาต่อที่จังหวัดเชียงใหม่ อีก 7 วัน ซึ่งนักท่องเที่ยวในรูปแบบที่ 2 และ 3 ต้องท่องเที่ยวและพักอาศัยได้เฉพาะสถานที่ที่กำหนดไว้เท่านั้น และต้องทำการตรวจหาเชื้อตลอดช่วงเวลา 7 หรือ 14 วัน ในแต่ละรูปแบบ หากตรวจแล้วไม่พบเชื้อจึงจะให้สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ
สำหรับพื้นที่นำร่อง 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอแม่แตง อำเภอแม่ริม และอำเภอดอยเต่า ในระยะแรกมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวเป้าหมายจากประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และไต้หวัน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เป็นคู่ค้าสำคัญกับจังหวัดเชียงใหม่เดิม จากนั้นจึงจะมีการขยายกลุ่มเป้าหมายต่อไปในกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น จีน และอินเดีย โดยในวันที่ 1 ก.ย.2564 สายการบินในประเทศได้กลับมาเปิดบินเหมือนเดิม และสายการบินต่างประเทศที่บินตรงจากเกาหลีก็เตรียมแผนบินในช่วงเดือนพ.ย.2564
นายพัลลภ กล่าวว่า เป็นไปได้ที่รูปแบบที่ 3 น่าจะเกิดขึ้นก่อน คือ เป็นนักท่องเที่ยวต่อเนื่องจากจังหวัดภูเก็ต ในเฟสแรกประมาณ 1,000 คน ที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ตามเส้นทางที่กำหนดไว้ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดว่าหากไม่ติดขัดจะมีเม็ดเงินเข้ามาในพื้นที่ประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้โรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ได้มาตรฐานSHAแล้ว 300 แห่ง ขั้นตอนต่อไปจังหวัดเชียงใหม่ต้องเร่งเดินหน้ายุทธศาสตร์การฉีดวัคซีนให้เป็นไปตามเป้าหมายโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2563 รายได้การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ลดลงเหลือเพียง 60,000 ล้านบาท จากปี 2562 มีรายได้กว่า 1,200,000 ล้านบาท ซึ่งตั้งแต่ที่มีการปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาในพื้นที่ และการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่ยุติ ทำให้จังหวัดเชียงใหม่สูญเสียรายได้ไปไม่ต่ำกว่า 180,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 1ปี 8 เดือน จึงต้องเดินหน้าให้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างปลอดภัยคู่ขนานกัน โดยคาดว่าภายใน 1-2สัปดาห์นี้ ทางททท.จะนำเสนอแผนของจังหวัดเชียงใหม่ให้ทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค.พิจารณาประเมินความพร้อมในการบริหารจัดการระบบ เพื่อเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวว่าจะผ่านหรือไม่