'วัคซีนใบยา' คาดทดลองในมนุษย์เฟสแรก ก.ย.นี้
นักวิจัยบริษัท ใบยาฯ เผยขั้นตอนการผลิต 'วัคซีนใบยา' อยู่ระหว่างการควบคุมการผลิต คาดรวบรวมน้ำเสนออย. เริ่มทดลองในมนุษย์ ได้เดือนก.ย.นี้ พร้อมปรับสูตรรองรับวัคซีนเจเนอเรชัน 2
วันนี้ (2 ก.ย.2564) รศ.ดร.วรัญญู พูลเจริญ Co-founder และ Chief Technology Officer (CTO) บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด กล่าวในงานสนทนาให้ความรู้ Future Talk by NXPO ประเด็น “ความก้าวหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติไทยด้วยกลไกการบ่มเพาะจากสถาบันอุดมศึกษา” จัดโดย สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ว่า ขณะนี้การผลิตวัคซีนใบยา กำลังดำเนินการควบคุมคุณภาพ เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดเสนอสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ภายในเดือนส.ค.นี้ ก่อนที่จะมีการเริ่มทดสอบในมนุษย์ระยะแรก เดือนก.ย.นี้ และถ้าผลการทดสอบทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย คาดว่ากลางปี 2565 จะสามารถผลิควัคซีนใบยาให้คนไทยได้ฉีด
“ไวรัสโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ตลอดเวลา ซึ่งการผลิตวัคซีนก็ต้องมีการพัฒนาตลอดเวลาเช่นเดียวกัน เพื่อให้วัคซีนสามารถป้องกันไวรัสได้ ปัจจุบันวัคซีนป้องกันโควิดมีหลายรูปแบบ ทั้งชนิดเชื้อตาย อย่างซิโนแวค ซิโนฟาร์ม หรือโปรตีนซับยูนิต โดยวัคซีนใบยา จะใช้พืชเป็นแหล่งผลิต เป็นต้นยาสูบ ที่เป็นคนละพันธุ์กับของไทย โดยเป็นยาสูบที่มีปริมาณนิโคตินต่ำ โดยได้ปลูกขึ้นมาและส่งถ่ายยีนเฉพาะชิ้นส่วนที่สามารถโค้ดเป็นโปรตีนของไวรัส ให้พืชผลิตขึ้นมาได้”รศ.ดร.วรัญญู กล่าว
นอกจากวัคซีนโควิดที่มีการพัฒนา ทางบริษัทใบยา ฯ ได้มีการผลิตยา และศึกษาวิจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เพราะขณะนี้ยาที่ใช้ในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้ามา ดังนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องพัฒนายาเพื่อสร้างความมั่นคงให้ได้ หากเกิดการระบาดของโรคอื่นๆ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงของไวรัส ต้องพร้อมในการผลิตยา หรือวัคซีนที่มีประสิทธิภาพได้
- 'วัคซีนใบยา'เดินหน้าทดลองในมนุษย์เฟสแรก ก.ย.นี้
ผศ.ภญ.ดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ อาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ Co-founder และ CEO บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด กล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิดของทางใบยานั้น ได้มีการทดสอบทั้งระดับห้องปฏิบัติการ ทั้งสัตว์ทดลอง ซึ่งผลค่อนข้างดี และกำลังจะก้าวเข้าสู่การทดสอบในมนุษย์
จากการพัฒนาวัคซีนประมาณ 18 -20 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่า ไทยมีศักยภาพ ประกอบกับเรามีโครงสร้างที่เรียกว่า ศูนย์วิจัยไพรเมท ซึ่งเป็นการลงทุนที่เกิดในประเทศไทย ทำให้มีโครงสร้างศูนย์วิจัยไม่กี่แห่งในเอเชีย ประเทศอื่นๆหากจะทำก็อาจต้องไปต่อคิวการทดลอง โดยเฉพาะการทดลองในลิง ซึ่งเป็นคีย์สำคัญของการทำวัคซีน
อย่างไรก็ตาม สำหรับการทำสตาร์ทอัพของทางบริษัท ใบยาฯ นั้น เราใช้โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้มาทำงาน และพร้อมจะรับกับโรคระบาดในครั้งถัดๆไป ซึ่งส่วนตนมองว่า นักวิจัยไทยมีศักยภาพ
- 'วัคซีนสัญชาติไทย'คาดว่าไตรมาส 3 ปี 2565 ได้ใช้
ผศ.ภญ.ดร.สุธีรา กล่าวว่าขณะนี้มีโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน ซึ่งเป็นโรงงานผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุด้วยพืช ใช้สำหรับมนุษย์เป็นแห่งแรกของเอเชีย ขณะเดียวกันเรามีการปรับสูตรวัคซีนเจเนเรชัน 2 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น แต่ต้องขอดูผลการศึกษาเฟส 1 ก่อนพิจารณาว่าจะมีรุ่นที่ 2 หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ต้องการวัคซีนที่มีความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงที่สุด ซึ่งต้องเป็นไปตามมาตรฐานอย่างแน่นอน โดยตามแผนคาดว่าไตรมาส 3 ปี 2565 น่าจะมีวัคซีนพร้อมฉีดได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับผลของเฟส 1 เฟส 2 และเฟส 3 ผลเป็นอย่างไรด้วย นอกจากนี้ ใบยาไม่ได้มองแค่วัคซีน แต่จะมีการวิจัยยามะเร็งด้วย
สำหรับการพัฒนา วัคซีนใบยา นั้น เป็นการทำงานร่วมกันแบบสหสาขาวิชาชีพ ทั้งความรู้ระดับอุตสาหกรรม เภสัชกรรม การประกันคุณภาพ การออกแบบสัตว์ทดลอง เพื่อนำสู่การขึ้นทะเบียนให้ได้ การทำงานจึงเป็นทีม มีหลากหลายสาขา โดยวัคซีนใบยา ที่มาถึงจุดนี้มาจากทีมนักวิจัยทั่วประเทศร่วมด้วยช่วยกัน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ไทยมีความสามารถมาก มีบางเรื่องเราไม่รู้ อย่างยาหนึ่งตัวไม่ใช่แค่งานวิจัยแล้วไปตีพิมพ์ หรือทำระดับอุตสาหกรรมเพราะอ่านแค่ไกด์ไลน์ GMP แต่ยังต้องประสานองค์ความรู้ต่างๆอีกมาก ซึ่งเรามีความพร้อม แต่ต้องทำงานร่วมกันได้ ซึ่งในส่วนใบยา เราสามารถทำงานร่วมกันได้