นิพิฏฐ์ ขอร้องอัยการสั่งคดีกดบัตรแทนกัน

นิพิฏฐ์ ขอร้องอัยการสั่งคดีกดบัตรแทนกัน

"นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ" ขอร้องอัยการสั่งคดีกดบัตรแทนกัน หลังจากปปช.สั่งฟ้องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ระบุคดีไม่ได้ซับซ้อนอยู่ในมืออัยการมานานหลายเดือนแล้ว อย่าดองเรื่องนี้เพราะไม่เป็นผลดีต่อองค์กร

กรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีหมายเลขดำ ที่คมจ.3/2564 มีคำสั่งให้นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ และนายภูมิศิษฎ์ คงมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพัทลุง พรรคภูมิใจไทย

หยุดการปฏิบัติหน้าที่แล้ว ตั้งแต่ วันที่ 3 กันยายน 2564 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 235 วรรค สาม (กรณีเสียบบัตรแทนกัน)

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ร้องเรื่องนี้ เปิดเผย “ผู้สื่อข่าว” ได้ทำหน้าที่ในฐานะประชาชนคนหนึ่งในการตรวจสอบการทำหน้าที่ของผู้แทนราษฎร

“เฉพาะเรื่องของจริยธรรมอย่างร้ายแรง ผมถือว่าผมพอใจ ศาลรับคำร้องแล้ว หยุดการปฏิบัติหน้าที่แล้ว แต่ว่าผมยังติดใจที่อัยการว่าเรื่องอยู่ที่อัยการนานแล้ว อัยการควรจะสั่งได้แล้ว เพราะว่าปปช.เขาส่งไปนานแล้ว”

นายนิพิฏฐ์ กล่าวและว่า ระยะเวลาปีกว่าแล้ว ซึ่งคดีกดบัตรแทนกันมันไม่ควรพิจารณาเป็นเวลาเป็นปีกว่าแล้ว ซึ่งไม่ควรดองคดีไว้ ในเมื่อปปช.เขาสั่งฟ้องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแล้ว

 

ซึ่งเขาก็ฟ้องคดีอาญาด้วยว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การเอาบัตรคนอื่นไปเสียบ เพราะส.ส.เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ผมจึงอยากจะขอร้องอัยการว่า คดีนี้ไม่ได้เป็นคดีที่ซับซ้อนอะไรเลย อยู่ในมืออัยการอยู่หลายเดือนแล้ว

“ท่านสั่งคดีเถอะ ถ้าผิดอาญา ท่านฟ้องต่อศาลฎีกาเลย อย่าดองไว้เลย มันเปรี้ยวแล้ว ผมว่ามันไม่ดีกับองค์กรอัยการด้วย ไปดองเรื่องเหล่านี้ไว้”

นายนิพิฏฐ์ กล่าวและว่า ขั้นตอนก็คืออัยการก็ต้องต่อศาลฎีกาแบบนี้ แต่เขาฟ้องเป็นคดีอาญา ฉะนั้นอัยการควรจะมีคำสั่งฟ้องในคดีอาญาการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามกฎหมายปปช.

“เพราะ ปปช.เขาสั่งคดี มีมูลแล้ว และส่งเรื่องไปให้อัยการแล้ว เพราะเรื่องนี้มันจะไปปปช.หมด แต่ว่าเวลามันแตกแขนงไปมันจะแตกแขนงไปสองทาง”

ซึ่งเรื่องจริยธรรมปปช.พอเขาเห็นว่าผิดจริยธรรม เขาไม่ต้องพึ่งองค์กรใด เขายื่นศาลฎีกาได้โดยตรงเลย แต่ว่าการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเป็นคดีอาญาก็ต้องส่งไปยังอัยการ เพื่อให้อัยการเป็นคนฟ้อง

ในขณะนี้เดียวกัน นายนิพิฏฐ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” โดยใช้หัวข้อว่า “แผ่นดินที่ไร้ตัวแทน”

-ศาลฎีกามีคำสั่งให้ส.ส.พัทลุง 2 คน

 ของพรรคภูมิใจไทย หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ตั้งแต่ 3 ก.ย.2564 กรณี ถูกปปช.ยื่นคำร้องว่า ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเสียบบัตรแทนกัน

จังหวัดพัทลุง มี 3 เขต มีผู้แทนราษฎร 3 คน ดังนั้น จึงทำให้เขตที่ 1 และเขตที่ 2 ไม่มีส.ส.ทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร แม้รัฐธรรมนูญจะบัญญัติว่า ผู้แทนราษฎรเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย แต่อย่าหวังลมๆแล้งๆว่า จะให้ส.ส.จังหวัดอื่นมาทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนชาวไทยของคนพัทลุง ประชาชนเขต 1 และเขต 2 จังหวัดพัทลุง จึงเปรียบเสมือนเราเป็นคนนอกระบบของประเทศนี้ ที่ไม่มีตัวแทนในสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีสิทธิออกกฎหมาย,ไม่มีสิทธิยับยั้งกฎหมาย, ไม่มีสิทธิควบคุมรัฐบาล และ ไม่มีสิทธินำความทุกข์ของประชาชนไปว่ากล่าวในสภาผู้แทนราษฎร

จึงถือเป็นโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของคนพัทลุง ที่ไม่มีตัวแทนในสภาผู้แทนราษฎร

ผมจะเป็นส.ส.หรือไม่ ไม่สำคัญ แต่ขอให้พี่น้องคนพัทลุงถือบทเรียนครั้งนี้เป็นบทเรียนที่ต้องจดจารไว้ในใจ ว่าการเลือกส.ส. “ต้องอดทน อดกลั้น ต่อบางสิ่งบางอย่าง” และการเป็นส.ส.นั้น ถือเป็นมืออาชีพ มิใช่มือสมัครเล่น ตัวแทนหรือส.ส.เหมือนสินค้าส่งออกของจังหวัดเรา ที่เราต้องเลือกไปแข่งกับสินค้าของจังหวัดอื่นๆด้วย บัดนี้ สินค้าของเราถูกเทคว่ำกลางตลาดสดแล้ว

ผมจึงขอเรียกร้องความรับผิดชอบต่อพรรคภูมิใจไทย ดังนี้

1.ออกมาขอโทษคนจังหวัดพัทลุง

2.ให้ส.ส.ลาออก เพื่อให้มีการเลือกตั้งซ่อม ให้คนพัทลุงได้มีตัวแทนในสภาผู้แทนราษฎรเหมือนคนจังหวัดอื่น และผมจะไม่ลงเลือกตั้งซ่อม เพราะหากผมเรียกร้องให้ส.ส.ลาออก แล้วผมลงเลือกตั้งซ่อม ท่านก็จะกล่าวหาผมว่า ผมอยากกลับไปเป็นส.ส.อีก ผมจึงตัดข้อกล่าวหานี้ออกไป อย่าให้คนพัทลุงตกเป็นเบี้ยล่างของพรรคภูมิใจไทย ที่จะหันไปซ้ายก็ได้ หันไปขวาก็ได้ จะไม่ให้มีตัวแทนในสภาก็ได้ ผมอายคนจังหวัดอื่น

ทั้งหมดนี้ เป็นข้อเรียกร้องที่เป็นหลักการธรรมดาในระบอบประชาธิปไตย ที่พรรคการเมืองควรมีความรับผิดชอบต่อประชาชน ผมไม่เรียกร้องต่อส.ส.เพราะแม้จะกดบัตรลงมติส.ส.ก็ยังไม่ทำ นับประสาอะไรจะเรียกร้องความรับผิดชอบให้ลาออก