ฝรั่งเศสเรียกทูตกลับเหตุไม่พอใจออสซี่ซื้อเทคโนโลยีเรือดำน้ำสหรัฐ
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า เมื่อวันศุกร์(17ก.ย.)รัฐบาลฝรั่งเศสประกาศเรียกทูตของตนในสหรัฐ และออสเตรเลียกลับประเทศเพื่อหารือ หลังออสเตรเลียทำข้อตกลงกับสหรัฐและอังกฤษ ซึ่งเป็นการยุติข้อตกลงซื้อเรือดำน้ำที่ออกแบบโดยฝรั่งเศส มูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์
“ฌอง-อีฟส์ เลอ ดริอาน” รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ระบุว่า การตัดสินใจในลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ก็ได้ตัดสินใจเรียกทูตฝรั่งเศสกลับประเทศครั้งนี้ เนื่องจากรู้สึกกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
พร้อมระบุว่า ฝรั่งเศสไม่สามารถเชื่อถือออสเตรเลียได้อีกต่อไปในการเจรจาการค้ากับสหภาพยุโรป(อียู) หลังจากออสเตรเลียฉีกข้อตกลงที่ว่าจ้างให้ฝรั่งเศสสร้างเรือดำน้ำ และหันมารับเทคโนโลยีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐแทน
ด้าน"เคลมองต์ โบน" รัฐมนตรีกระทรวงกิจการยุโรปของฝรั่งเศสกล่าวกับช่องข่าวฟรานซ์24 ว่า “เรากำลังเจรจาการค้ากับออสเตรเลีย แต่ผมก็เห็นว่าเราไม่สามารถไว้วางใจพันธมิตรชาวออสเตรเลียได้อีกต่อไป”
กรณีพิพาทนี้เกิดขึ้นหลังจากสหรัฐ อังกฤษ และออสเตรเลีย ประกาศเมื่อวันพุธ(15ก.ย.)ว่า ทั้ง 3 ประเทศจะจัดตั้งพันธมิตรด้านความมั่นคงในเขตอินโดแปซิฟิกภายใต้ชื่อ AUKUS ซึ่งรวมถึงการช่วยเหลือออสเตรเลียในการจัดหาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์
อียู เริ่มเจรจากับออสเตรเลียเพื่อทำข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ในปี 2561 และจนถึงปัจจุบัน อียูและออสเตรเลียได้ดำเนินการด้านการค้าและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างอียูและออสเตรเลียปี 2551