จับตา 5 สมาร์ทโฟนเด่น แย่งซีน ชิงมาร์เก็ตแชร์ตลาดไทย
จับตาสมรภูมิ "สมาร์ทโฟน" แข่งเดือด หลังแบรนด์ใหญ่แห่เปิดตัวรุ่นใหม่ ตอบโจทย์ยุคนิวนอร์มอลที่ "สมาร์ทดีไวซ์" คือ คำตอบของทุกการใช้ชีวิตประจำวัน
ภาพรวม ตลาดสมาร์ทโฟนไทย ยังแข่งกันเลือดสาด ท่ามกลางวิกฤติโควิด เศรษฐกิจชะลอ หากการเรียนออนไลน์ เวิร์คฟรอมโฮม กิจกรรมในชีวิตประจำวันที่ต้องพึ่งพาโลกออนไลน์ ยังเป็นปัจจัยสำคัญดันภาพรวม “สมาร์ทดีไวซ์” เติบโตอย่างต่อเนื่อง ต้องยอมซื้อหามาใช้งาน เพราะความจำเป็น และเลี่ยงไม่ได้
ปรากฏการณ์เปิดตัวสมาร์ทโฟนแบบ “ถี่ยิบ” ในช่วงนี้ มีส่วนสำคัญในการสร้างสีสันทางการตลาด รวมถึงการได้อัพเดทเทคโนโลยีแปลกใหม่ของสมาร์ทโฟนที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยด้วยเช่นกัน
ตลาดสมาร์ทโฟนในไทยช่วงหลัง เป็นสมรภูมิรบของ “สมาร์ทโฟนแบรนด์จีน” เป็นส่วนใหญ่ มี “ซัมซุง” และ ไอโฟน จากแอ๊ปเปิ้ล ที่เป็นตัวสอดแทรก ให้การแข่งขันยิ่งน่าจับตามากขึ้น
การเปิดตัว “ไอโฟน 13” ของ แอ๊ปเปิ้ล ล่าสุดนับว่า ยังมีสีสัน และสร้างความคึกคักให้กับแฟนคลับไทยได้ไม่น้อย แม้จะมีหลายเสียงบอกว่า ไม่เร้าใจ ไม่เซอร์ไพร์ส เท่าในอดีตที่ผ่านมา แต่ต้องยอมรับว่า แอ๊ปเปิ้ล เป็นผู้นำเทรนด์เซตเตอร์ในโลกสมาร์ทโฟนมากทีเดียว โดยเฉพาะความจุล่าสุดของไอโฟน 13 ในรุ่น pro max ไปยืนในระดับ 1 เทราไบต์ ซึ่งยังไม่มีสมาร์ทโฟนค่ายใดทำได้
ซัมซุง จากแดนโสม ยังมีความแข็งแกร่งในโลกของสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะรุ่นเรือธง จอพับ ฝาพับ ที่เปิดตัวมาได้อย่างน่าสนใจ และน่าติดตาม และหลังเปิดตัว ก็มียอดจองเพิ่มขึ้นทุบสถิติกว่า 5 เท่าจากในรุ่นก่อนหน้านี้
“กรุงเทพธุรกิจ” รวบรวม 5 สมาร์ทโฟนเด่นในช่วงครึ่งปีหลังที่กำลังขับเคี่ยว ชิงส่วนแบ่งการตลาดกันอย่างเข้มข้น
1 ซัมซุง Galaxy Z Fold3 | Flip3 5G
ราคาเริ่มต้นที่ 34,900 บาท
วางจำหน่ายแล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่ก่อนหน้านั้น ซัมซุงออกมาโชว์ตัวเลข ระบุว่า ยอดจองของสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นว่ามีจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่การเปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ครั้งแรกเมื่อปี 2019 โดยหากเทียบเฉพาะกับยอดจองของรุ่นก่อนหน้า อย่าง Galaxy Z Fold2 5G และ Galaxy Z Flip ถือได้ว่าเพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึง 5 เท่า
เหตุผลที่สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้เจเนอเรชั่นที่ 3 ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี มาจากการที่สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ได้ผสมผสานการออกแบบที่ลงตัว นวัตกรรมล้ำสมัย รวมถึงการนำความคิดเห็นของผู้ใช้ที่ต้องการให้สมาร์ทโฟนมีความแข็งแรงทนทานมากขึ้น
ผู้บริหารระดับสูงของ ซัมซุง เคยออกมาย้ำว่า ซัมซุงไม่เคยเชื่อในหลักการ one-size-fits-all ที่สมาร์ทโฟนแบบเดียว จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการทุกคนได้ เป็นสาเหตุที่ซัมซุงพาทุกคนก้าวเข้าสู่การใช้ 5จี และเปลี่ยนโฉมหน้าสมาร์ทโฟนรูปแบบใหม่สู่ “สมาร์ทโฟนหน้าจอพับ” รวมถึง การนำ 5จี เอไอ และไอโอที เป็นตัวกำหนดมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟนนับจากนี้
2.iPhone13 จากแอ๊ปเปิ้ล
ราคา 25,000 -62,900 บาท
เปิดตัวไปหมาดๆ มีกำหนดเปิดจองในไทย 1 ต.ค. ก่อนขายจริง 8 ต.ค.นี้ มีทั้งหมด 4 รุ่น
-iPhone 13 mini ซึ่งมีหน้าจอ 5.4 นิ้ว
-iPhone 13 หน้าจอ 6.1 นิ้ว
-iPhone 13 Pro หน้าจอ 6.1 นิ้ว
-iPhone 13 Pro Max หน้าจอ 6.7 นิ้ว
แอ๊ปเปิ้ลได้เพิ่มประสิทธิภาพของกล้องและชิพ 5G ใน iPhone 13 โดยใช้ชิป A15 Bionic ที่มีขนาด 5nm+ รองรับการใช้งาน 5G และ WiFi 6E ขณะที่แบตเตอรีมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และหน้าจอมี refresh rate ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ แอ๊ปเปิ้ลยังได้เพิ่มความจุใน iPhone 13 โดย iPhone 13 mini และ iPhone 13 มีความจุเริ่มต้นที่ 128GB ตามมาด้วย 256/512GB ส่วน iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max จะเริ่มความจุที่ 128GB ตามมาด้วย 256/512GB จนถึง 1TB
3.เสียวหมี่ กับสมาร์ทโฟนตระกูล Xiaomi 11 Series
ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 19,000-25,000 บาทขึ้นไป
-Xiaomi 11T Pro
-Xiaomi 11T และโฉมใหม่ Xiaomi 11 Lite 5G NE
โดยเฉพาะ Xiaomi 11T Pro นี้เสียวหมี่โปรยหัวว่า คือ ที่สุดแห่งสมาร์ทโฟนแฟล็กชิปของการสร้างภาพยนตร์แบบ Cinemagic ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพทรงพลัง ด้วยเทคโนโลยี 120W Xiaomi HyperCharge ซึ่งได้รับการจดกรรมสิทธิ์แล้ว เทคโนโลยีสุดล้ำนี้จะทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็ม 100% ภายในเวลาเพียงแค่ 17 นาทีเท่านั้น เป็นการเพิ่มเวลาให้บรรดาเหล่าครีเอเตอร์สามารถสร้างผลงานได้อย่างต่อเนื่อง
กล้องระดับเทพถึงสามตัวเทียบชั้นกล้องโปรที่ความละเอียด 108MP ที่เป็นเลนส์ไวด์ในตัว, เลนส์ Telemacro ซูมสองเท่าและเลนส์อัลตราไวด์ 120 องศา ยิ่งไปกว่านั้น Xiaomi 11T Pro ยังเปี่ยมไปด้วยความสามารถในการถ่ายภาพยนตร์ชั้นยอด เพียงแค่เปิดโหมด One-Click AI Cinema การบันทึกภาพระดับ 8K และ HDR10+ และฟีเจอร์ที่ดูอลังการอีกมากมาย
บริษัทวิจัยคานาลิสระบุว่า ไตรมาสที่ 2 จำนวนการส่งมอบสมาร์ทโฟนทั่วโลกของเสียวหมี่ขยับขึ้นไปอยู่อันดับที่ 2 มีส่วนแบ่งทางการตลาด 16.7% ส่วนในประเทศไทยก้าวขึ้นมาอยู่อันดับ 1 ได้เป็นครั้งแรก ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 21% พร้อมครองแชมป์อัตราการเติบโตสูงถึง 200%
4.“OPPO Reno6 5G”
ราคา 17,990 บาท
ออปโป้ ที่มีความเก่งฉกาจในเรื่องของเทคโนโลยีกล้อง ทุกรุ่นที่ออกมา คือ กล้องเทพ รุ่นล่าสุดนี้ ออปโป้ บอกว่า โดดเด่นมากกับสุดยอดเทคโนโลยีเพื่อการถ่ายวิดีโอพอร์ตเทรตและถ่ายภาพพอร์ตเทรต ในแนวคิด “อารมณ์ไหน ก็พอร์ตเทรต”
ชูไฮไลต์ด้วยฟีเจอร์สุดล้ำ Bokeh Flare Portrait Video ให้ถ่ายวิดีโอพอร์ตเทรตเป็นโบเก้เบลอฉากหลังมอบความสวยโรแมนติกแบบเรียลไทม์ และยังคงถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้สวยสะกดในทุกอารมณ์ รูปลักษณ์แปลกตาด้วยเรโทรดีไซน์สุดพรีเมี่ยม รวมถึง เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0 และรองรับการเชื่อมต่อ 5G ให้ใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างเร็วแรง
5.vivo Y21
ราคา 5,699 บาท
น้องเล็ก ราคาเบาสุด รุ่นนี้ มาพร้อมหน้าจอแสดงผล Halo Fullview Display ชนิด LCD ขนาด 6.51 นิ้ว ความละเอียด HD+ ชิปเซ็ต MediaTek Helio P35 Octa Core กับ RAM 4GB และความจุเครื่อง ROM 64/128B รันระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย Funtouch OS 11.1
สำหรับกล้องถ่ายรูปด้านหลัง 2 เลนส์ เป็นเลนส์หลักความละเอียด 13MP รูรับแสง f/2.2 และ Super Macro ความละเอียด 2MP รูรับแสง f/2.4 รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0 และพอร์ต USB Type-C แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับ 18W Fast Charge
สำหรับแบรนด์ วีโว่ ความน่าสนใจ คือ เพิ่งประกาศความสำเร็จในยอดจัดส่งสมาร์ทโฟน 5G ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของไตรมาสที่ 2 ปี 2564 จากรายงานล่าสุดของบริษัทวิจัยข้อมูลตลาดชั้นนำอย่าง Strategy Analytics ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของ vivo ที่ประสบความสำเร็จในการมียอดจัดส่งสมาร์ตโฟน 5G มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกภายในหนึ่งไตรมาส
vivo สามารถครองส่วนแบ่งของยอดจัดส่งสมาร์ตโฟน 5G ได้มากถึง 1 ใน 5 สำหรับตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในอัตราการเติบโตของการจัดส่ง (Shipment) ต่อปีสูงถึง 215% ทั้งนี้ ด้วยการผสานระหว่างเทคโนโลยีชั้นนำและคุณภาพระดับสูงส่งผลให้ สมาร์ตโฟน vivo กลายเป็นอุปกรณ์ 5G ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในภูมิภาค
ล่าสุด “โมโตโรล่า” พร้อมบุกสมรภูมิตลาดสมาร์ทโฟนในไทย เปิดตัวรวดเดียว 3 รุ่น ล่าสุด motorola edge 20 pro, motorola edge 20 fusion และ moto g50 5G ชูจุดต่างรองรับ 5G ประสิทธิภาพอัดแน่นระดับเรือธง แต่ราคาจับต้องได้ เริ่มต้น 7,499 บาท กำหนดวางจำหน่าย 1 ตุลาคม 2564
แข่งเดือด จับตาตลาดโตแรง
แหล่งข่าวในวงการดิจิทัล กล่าวว่า ตลาดสมาร์ทโฟนในไทยครึ่งปีแรก อาจเติบโตขึ้นมากกว่า 70% จากดีมานด์ความต้องการโทรศัพท์รุ่นใหม่เพื่อรับมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่ต้องทำผ่านโทรศัพท์มือถือทำให้กลุ่มสมาร์ทโฟนระดับล่างมีดีมานด์สูงมาก
“มาตรการล็อกดาวน์ คนส่วนใหญ่ทำงานที่บ้าน นักเรียนต้องเรียนออนไลน์ อุปกรณ์ไอทีจึงจำเป็นมาก โดยเฉพาะโน้ตบุ๊ค แทบเล็ต รวมถึงสมาร์ทโฟน แม้สภาพเศรษฐกิจจะไม่ดีคนจับจ่ายน้อยลง แต่ปัจจุบันอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ใช่ของฟุ่มเฟือย แต่เป็นของจำเป็น ผู้ค้าแต่ละราย รวมถึงค่ายมือถือมีแคมเปญผ่อนนาน ลดราคา แพคเกจต่างๆ จึงไม่ใช่เรื่องยากในการซื้อหา”
ขณะที่ ภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนในไทยไตรมาส 2 ของปีนี้ เสียวหมี่ ยังครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ในไทยที่ 21% เติบโตขึ้นมากกว่า 200% อันดับ 2 ออปโป้ ส่วนแบ่งการตลาด 19% อันดับ 3 ซัมซุง ส่วนแบ่งการตลาด 19% (เติบโตติดลบ) อันดับ 4 วีโว่ ส่วนแบ่งการตลาด 15% และ อับดับ 5 เรียลมี ส่วนแบ่งการตลาด 8%