กรมราชทัณฑ์ รายงานพบผู้ต้องขัง ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 858 ราย เสียชีวิต 1 ราย
กระทรวงยุติธรรม เผย สถานการณ์โควิด-19 กรมราชทัณฑ์มีเรือนจำพ้นจากการระบาดเพิ่ม 2 แห่ง และไม่มีการระบาดใหม่ในวันนี้ขณะที่อีก 8 แห่ง จะสิ้นสุดการระบาดได้ภายในสัปดาห์นี้
เมื่อวันที่ 20 ก.ย.64 ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 72/2564
โดยมีนางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. นายนิยม เติมศรีสุข รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
อ่านข่าว-ด่วน! ยอด โควิด-19 วันนี้ ติดเชื้อเพิ่ม 12,709 ราย ตาย 106 ราย ATK อีก 1,723 ราย
นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ มีเรือนจำที่พ้นจากการระบาดเพิ่ม 2 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี และเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขณะที่ไม่พบเรือนจำระบาดใหม่ในวันนี้ ส่งผลให้เรือนจำสีแดงลดลงอยู่ที่ 30 แห่ง และเรือนจำสีขาว 112 แห่ง
ขณะที่วันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 858 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 842 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 16 ราย) รักษาหายเพิ่ม 385 ราย เสียชีวิต 1 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 6,629 ราย (กลุ่มสีเขียว 85.8% สีเหลือง 13.9% และสีแดง 0.3%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 452 ราย (รวมทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์) ปริมณฑล 126 ราย และต่างจังหวัด 6,051 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 58,720 ราย หรือ 87.5% ของผู้ติดเชื้อสะสม 67,119 ราย เสียชีวิตสะสม 138 ราย คิดเป็นอัตรา 0.2% ของผู้ติดเชื้อสะสม
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุมได้ชี้ให้เห็นถึงการป้องกันจุดอ่อน 3 ส่วนสำคัญที่อาจเกิดปัญหาขึ้นได้ ได้แก่ ส่วนเรือนจำ ส่วนการดูแลรักษาพยาบาล และส่วนการสนับสนุนจากหน่วยงานส่วนกลาง นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำให้เรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่งให้ความสำคัญกับการเตรียมห้องกักโรคให้มีจำนวนเพียงพอ พร้อมนี้ยังได้กำชับใน 3 ส่วน คือ 1. การป้องกันเชื้อไม่ให้เข้าสู่ภายในเรือนจำ ทั้งจากเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังรับใหม่จากภายนอก 2. การตรวจคัดกรองและค้นหาผู้ติดเชื้อในเรือนจำที่พบการแพร่ระบาดอย่างเร่งด่วนเพื่อให้ผู้ติดเชื้อได้รับยาและการรักษาได้อย่างทันท่วงที อันจะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ และ 3. การปล่อยตัวผู้พ้นโทษที่ต้องดำเนินการตรวจหาเชื้อ รวมถึงแยกกักตัวอย่างถูกต้องและเป็นระบบ
ขณะที่สถานการณ์การสิ้นสุดการระบาด หรือ EXIT ของเรือนจำ ปัจจุบันมีเรือนจำที่ยังอยู่ระหว่างควบคุมการระบาดทั้งสิ้น 6 แห่ง ได้แก่ เรือนจำจังหวัดยโสธร เรือนจำจังหวัดตราด เรือนจำจังหวัดชัยภูมิ ทัณฑสถานวัยหนุ่มนครศรีธรรมราช เรือนจำจังหวัดนนทบุรี และเรือนจำจังหวัดสระแก้ว ขณะที่เรือนจำที่เหลืออีก 24 แห่งสามารถลดการระบาดและอยู่ในแผน EXIT ได้แล้ว โดยจะทยอย EXIT เพิ่มเติมอีกจำนวน 8 แห่งภายในสัปดาห์นี้ เริ่มจากเรือนจำจังหวัดอ่างทอง และเรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยาในวันพรุ่งนี้ (21 กันยายน 2564) และเรือนจำอื่นๆ ในระยะต่อไป
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 มีผู้ติดเชื้อและอยู่ระหว่างการรักษาตัว จำนวน 5 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 4 ราย และเยาวชน 1 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 50 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 6 แห่ง แยกเป็นติดเชื้อ 4 แห่ง และหมดสถานะสีขาว 2 แห่ง ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นเป็น 455 ราย หรือคิดเป็น 11.44% จากทั้งหมด 3,977 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนคงที่ที่ 3,795 ราย หรือคิดเป็น 86.74% จากทั้งหมด 4,375 ราย