ครม.อนุมัติททท.ก่อหนี้ผูกพันโครงการ The Michelin Guide Thailand 5 ปี
ครม.อนุมัติให้ ททท. ก่อหนี้ผูกพันโครงการ "The Michelin Guide Thailand" ประจำปี 2565-2569 วงเงิน 135 ล้านบาท นำร่อง กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต พังงา พระนครศรีอยุธยา
เมื่อวันที่ 5 ต.ค.64 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ก่อหนี้ผูกพันในการสนับสนุนการจัดโครงการ The Michelin Guide Thailand ประจำปี 2565-2569 วงเงิน 4.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 135.3 ล้านบาท
โดยแบ่งจ่ายเป็นรายปี ปีละ 820,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 27.06 ล้านบาทให้แก่บริษัท Michelin Travel Partner France ซึ่งเป็นผู้ผลิตคู่มือแนะนำร้านอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลกในนาม Michelin Guide
โดยงบประมาณที่ใช้ในปี 2565 จะจัดสรรงบประมาณของททท. และในปีที่ 2-5 ททท.จะตั้งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป
สำหรับพื้นที่ดำเนินการตามโครงการฯ ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต พังงา พระนครศรีอยุธยา และจะสำรวจเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 จังหวัด โดยเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างน้อย 1 จังหวัด
สำหรับกระบวนการดำเนินโครงการนั้น จะเริ่มจากการคัดเลือกและรวบรวมรายชื่อร้านอาหารที่อยู่ในระดับมาตรฐานของมิชลิน มีขั้นตอนตั้งแต่การลงพื้นที่สำรวจร้านอาหาร การตรวจสอบคุณภาพและรสชาติอาหารโดยผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกที่ผ่านการอบรมตามเกณฑ์ของมิชลิน โดยมิชลินเป็นผู้รับผิดชอบในการคัดเลือกทีมงาน และแต่งตั้งคณะผู้ตรวจสอบเพื่อดำเนินการคัดเลือกร้านอาหารและจัดอันดับร้านอาหารอย่างยุติธรรมตามระเบียบวิธีการของมิชลิน จากนั้นจะมีการพิมพ์หนังสือ The Michelin Guide Thailand ทุกปี เพื่อแนะนำร้านอาหารที่ผ่านกระบวนการประเมินผล
ทั้งนี้ จะมีการแถลงข่าวสร้างการรับรู้การจัดทำโครงการ The Michelin Guide Thailand ประจำปี 2565-2569 รวมถึงจัดงานมอบรางวัลให้แก่ร้านอาหารที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากมิชลิน พร้อมดำเนินการตรวจสอบคุณภาพร้านอาหารในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี
นอกจากนี้ยังมอบสิทธิรางวัล Michelin Thailand Service Award By TAT ให้แก่ททท. ซึ่งเป็นรางวัลใหม่ ที่เพิ่มขึ้นจากสิทธิประโยชน์เดิม โดยเป็นรางวัลสำหรับบุคลากรผู้ให้บริการยอดเยี่ยม
ขณะเดียวกันทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รายงานว่า โครงการ The Michelin Guide Thailand ประจำปี 2560-2563 ที่ผ่านมา ได้ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทย ในฐานะแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมผ่านวัฒนธรรมอาหารที่มีคุณภาพและมีมาตรฐาน
นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มมูลค่าและศักยภาพของอาหารไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมถึงร้านอาหารริมทาง(Street Food) ช่วยให้ร้านอาหารของไทยมีการพัฒนาและยกระดับคุณภาพเพื่อรักษามาตรฐาน ส่งเสริมภาพลักษณ์ของเชฟไทยสู่เวทีระดับสากล ดึงดูดเชฟชั้นนำต่างประเทศให้มาทำงานในประเทศไทย และส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเปิดร้านอาหารระดับ High-End มากยิ่งขึ้น