ฉุดไม่อยู่ "โควิด-19" ปัตตานี ติดเชื้อพุ่ง 502 ราย ดับ 1ราย
สถานการณ์ COVDI-19 ปัตตานี พบผู้ติดเชื้อราชใหม่พุ่ง 502 ราย ดับ 1ราย อสม.เทศบาลเมือง โอดครวญ ต้านไม่ไหว ยิ่งตรวจยิ่งเจอ หวั่นต้องปิดชุมชน
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 64 สถานการณ์การแพร่ระบาดของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยังมีผู้ติดเชืัอเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีอัตราการติดเชื้ออยังเพิ่มขึ้นสูง มียอดผู้ติดเชื้อวานนี้ วันที่ 6 ต.ค. ติดเชื้อพุ่งอีก 502 ราย เสียชีวิต 1 ราย ทำให้ขณะนี้มียอดติดเชื้อสะสม 24,655 ราย รักษาหาย 16,009 ราย และเสียชีวิตสะสม 311 ราย ในจำนวนนี้พบว่า อำเภอเมืองมีผู้ติดเชื้อสูงถึง 1,209 ราย รองลงมาอำเภอสายบุรี 792 รายอำเภอยะหริ่ง 542 ราย โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ต่างได้รับเชื้อจากการร่วมกลุ่มทำกิจกรรม การเดินตลาด และการไปนั่งร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ หรือร้านเนื้อย่างกระทะ และงานเลี้ยงส่งการโยกย้าย ซึ่งพบว่าหลายคนไม่สวมแมส และไม่เว้นระยะห่างทางสังคม และมีการรวมกลุ่ม ก่อนนำเชื้อไปแพร่คนในชุมชน และครอบครัว
เช่นเดียวกับชุมชนจือแรนีบง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี ถ.สมัครคี สาย ก. ตำบลสะบารัง ถือเป็นชุมชนหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ก็พบผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่มาจากคลัสเตอร์โรงงาน จากนั้นสถานการณ์ดีขึ้น ทุกคนรักษาหาย กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ กระทั้งล่าสุด ชุมชนดังกล่าวกลับมารุนแรงอีกครั้ง หลังคนในชุมชนจือแรนีบง ต่างไปรับเชื้อมากจากที่อื่น และมาแพร่คนในชุมขนและครอบครัว ปัจจุบันพบว่าติดเชื้อแล้วกว่าร้อยราย ทำให้ทีมงาน อสม. ร่วม 10 คน ต้องลงพื้นที่ตระเวนเคาะประตูบ้านทุกบ้าน นำเจลล้างมือ หน้ากากอนามัยมาแจกจ่ายให้กับคนในชุมชน พร้อมทั้งได้กล่าวเตือนให้ทกคนระวังโควิด-19 ถ้าไม่จำเป็นอย่างออกข้างนอก และควรซื้ออาหารกลับมากินที่บ้าน ทั้งนี้ยังได้ประสานไปยังผู้นำชุมชน และโต๊ะอีม่านให้ประกาศผ่านเครื่องกระจ่ายเสียง ให้คนในชุมชนจือแรนีบงเฝ้าระวัง ปฏิบัติมาตรการป้องกันโควิด19อย่างเข้มงวด
นางมารียัม บูมามะ ผู้ช่วยประธาน อสม.ชุมชนจือแรนีบง ต.สะบารัง อ.เมืองปัตตานี เปิดเผยว่าผู้ติดเชื้อในชุมชนรอบนี้มากกว่ารอบที่แล้ว เป็นคนใหม่ กระจายไป ไม่ใช่เป็นกลุ่มโรงงานเหมือนครั้งที่ผ่านมา ซึ่งได้รับเชื้อมากจากที่อื่น โดยเป็นคนในชุมชนที่ออกไปข้างนอก จับจ่ายอาหาร เดินตลาด ไปทำงาน ก่อนนำเชื้อมาแพร่ต่อในชุมชน ตอนนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 100 กว่ารายแล้ว และตลอด 1 อาทิตย์ผู้ติดเชื้อมีจำนวนเพิ่มขึ้นไม่หยุด จากการที่เรามีการตรวจเชื้อแบบATK ให้กับคนในชุมชน แต่เมื่อทำการตรวจก็ยิ่งเจอผู้ติดเชื้อมากขึ้น จนขณะนี้ชุมชนจือแรนีบงเป็นชุมชนหนึ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด ถ้าจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก ทีม อสม.ก็รับไม่ไหว คงต้องออกรณรงค์อย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น