"เจี๊ยบ-อมรัตน์" นำทีม สส.ก้าวไกล จ่อใช้ตำแหน่งประกัน 5 แกนนำม็อบ "คดี112"
"เจี๊ยบ-อมรัตน์" นำ สส.ก้าวไกล เตรียมใช้ตำแหน่งประกัน 5 แกนนำติดคุก "คดี 112" พร้อมอ่านจดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกา แนะแก้ไขข้ออ้างไม่ให้ประกันเรียกศรัทธาองค์กรตุลาการคืน ด้าน"สมยศ"ชวนปปช.ชุมนุม31ตุลานี้
26 ต.ค. 64 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.พรรคก้าวไกล น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.พรรคก้าวไกลและโฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่มราษฎร ได้เดินทางมาเพื่อยื่นเรื่องขอปล่อยตัวชั่วคราว ส่วน สส.พรรคก้าวไกลเตรียมจะใช้ตำแหน่งยื่นประกันตัว นายอานนท์ นำภา,นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ,นายภานุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ,นายจตุภัทร บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน , น.ส.เบนจา อะปัญ หรือแกนนำกลุ่มราษฎร ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหากระทำความผิดมาตรา 112
โดย นางอมรรัตน์ เปิดเผยว่า วันนี้พวกเราเป็นตัวแทน สส.พรรคก้าวไกลมายื่นจดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกา ซึ่งมีใจความดังนี้ ขอแถลงการณ์จุดยืนปกป้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นทางการเมืองของเยาวชนและประชาชนของผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล ทำไมตนจึงแสดงจุดยืนต่อสาธารณะดังที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชนตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. 63 ว่า "ยินดีใช้ตำแหน่งผู้แทนราษฎรไปประกันตัวหากเสรีภาพในการแสดงความเห็นที่ถูกรองรับไว้โดยรธน. ถูกพรากไปด้วยข้ออ้างพรก. ฉุกเฉินพร้อมโชว์ใบรับรองเงินเดือนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั่น
เป็นเพราะว่าหลายปีที่ผ่านมานับจากรัฐประหาร 22 พ.ค. 57 ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลสืบทอดอำนาจในปัจจุบันที่ยาวนานจะเข้าปีที่ 8 แล้ว ประเทศนี้ถูกปกครอง ครอบงำด้วยความกลัว ผู้ที่รักประชาธิปไตย ให้คุณค่ากับหลักการสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมตกอยู่ในความมืด ถูกปิดกั้น เสรีภาพในการคิดการพูดการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน เมื่อสิ้นสุดความอดทนเยาวชนหนุ่มสาวและประชาชนออกมาทวงคืนประชาธิปไตย ไล่นายกฯที่สืบทอดอำนาจจากการรัฐประหารเรียกร้องให้ยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้มีความเป็นสากลสอดคล้องกับยุคสมัย
แต่ไม่ว่าจะออกมาส่งเสียงมากมายแค่ไหน ข้อเรียกร้องของพวกเขาถูกตั้งใจละเลยไม่ถูกได้ยิน สิ่งที่ได้รับ คือ การลุแก่อำานาจปราศจากมนุษยธรรม ใช้กำลังปราบปรามอย่างรุนแรงเกินกว่าเหตุ ใช้งบประมาณมากมายปราบปรามผู้ชุมนุมราวกับเป็นศัตรูเพียงแค่พวกเขาคิดต่างจากผู้ทรงอ๋านาจบาตรใหญ่ แจกคดีออกหมายเรียกหมายจับ ใช้กฎหมายปิดปากจงใจใช้และต่ออายุ พรก.ฉุกเฉินด้วยข้ออ้างเรื่อง covid-19 อย่างปราศจากความละอายต่อสายตาชาวโลก
สำหรับตนแล้ว เยาวชนผู้กล้าหาญเหล่านั้น พวกเขาคือนักต่อสู้ไม่ใช่นักโทษ คือเจ้าของอนาคตประเทศนี้ พวกเขาได้ก้าวข้ามเส้นแห่งความกลัวทีคนยุคของพวกเราที่ผ่านมาไม่เคยเข้าข้ามพ้นเส้นนั้นมาได้บัดนี้มีผู้ต้องหาคดี 112, 116, 215, พรบ. คอมฯ พรบ.ชุมนุมสาธารณะ พรก.ฉุกเฉินฯ มากมายถึง 1,500 คน จาก 800 กว่าคดี โดยเฉพาะคดี 112 มีถึง 150 คนแล้ว และส่วนใหญ่เป็นเยาวชน
เราต้องยอมรับกันเสียทีว่าคดีมาตรา 112 นั้นเป็นคดีทางการเมืองที่จะต้องถูกแก้ไขด้วยวิถีทางการเมืองแทนใช้คุกศาลทหาร และใช้กฎหมายปิดปากรวมทั้งกฎหมายหมิ่นสถาบันนี้เป็นประเด็นที่ประเทศไทยถูกองค์กรระหว่างประเทศและประเทศต่าง ๆ วิพากษ์วิจารณ์นับจากปี 54 ถึงปี 64 ถูกวิจารณ์มาแล้วไม่ต่ำกว่า 22 ครั้งถูกเสนอแนะให้แก้ไขในเรื่องอัตราโทษที่สูงเกินไปไม่ได้สัดส่วนกับความผิดและไม่มีโทษขั้นต่ำ ไม่มีคำนิยามที่แน่นอนของคำว่าดูหมิ่นมีปัญหาการบังคับใช้ที่ถูกตีความอย่างไร้ขอบเขต ไม่สอดคล้องกับหลักการสากลในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองการใช้ข้ออ้างในการไม่ให้ประกันว่า มีอัตราโทษสูงอาจก่อให้เกิดอันตรายความเสียหายต่อความมั่นคงหรือน่าเชื่อว่าจะหลบหนีไม่ใช่ข้ออ้างเราจะเห็นได้ว่าผู้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง แม้แต่ถึงฆ่าคนตายก็ยังได้สิทธิ์ในการประกันตัวออกมาต่อสู้คดี พวกเขายังไม่ได้ถูกตัดสินว่ามีความผิดและยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ตามกฎหมาย เพื่อหยุดความตกต่ำของกระบวนการยุติธรรมไทยไม่ให้ต้องถูกทำลายลงเพียงเพื่อจะได้ดำเนินคดี 112 หรือเพียงเพื่อต่ออายุให้รัฐบาลที่ได้ความชอบธรรม
ในฐานะผู้แทนราษฎรตนมีหน้าที่ปกป้องสิทธิเสรีภาพที่จะคิด ที่จะพูด และสิทธิในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองให้กับพวกเขา ที่ขณะนี้ยังถูกจองจําได้แก่ นายอานนท์ ,นายพริษฐ์ ,นายภาณุพงษ์ ,ไผ่ดาวดิน ,น.ส.เบนจา ขอเรียกร้องให้คืนสิทธิประกันตัวให้พวกเขาเพื่อคลี่คลายปัญหาวิกฤติศรัทธาต่อองค์กรตุลาการในขณะนี้
"คุกควรเป็นทีของคนทีปล้นอำนาจประชาธิปไตยไม่ใช่ของผู้ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย" และตนขอเรียกร้องให้ท่านประธานศาลฎีกาฟื้นฟูกระบวนการยุติธรรมให้กลับมาเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตัวจริง เผด็จการจงพินาศ"
ด้านนายสมยศ กล่าวว่า พวกเรากำลังจะจัดการชุมนุมขึ้นที่สี่แยกราชประสงค์ เพื่อเรียกร้องให้มีการยกเลิกมาตรา 112 สืบเนื่องมาจากคดีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แกนนำราษฎรของเราได้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเพื่อสิทธิเสรีภาพและประโยชน์ของประเทศชาติโดยตรง เพื่อนำมาสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ก้าวหน้ามากขึ้น ดังนั้นเมื่อพวกเขาถูกดำเนินคดีแล้วไม่ได้รับประกันตัว นอกจากจะเป็นการแสดงให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของเรานั้นยังไม่ได้ปกป้องเสรีภาพของประชาชน รวมทั้งปัญหาการประกันตัวนำมาสู่ความขัดแย้งในสังคมไทยมากขึ้น เป็นเหตุให้คณะราษฎรได้จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนำคณะราษฎรที่เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันเราเห็นว่ามาตรา 112 คืออุปสรรคขัดขวางความเป็นประชาธิปไตยและถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายล้างการเมือง คุกคามเสรีภาพของประชาชนขอชวนพี่น้องประชาชนมารวมตัวกัน วันที่ 31 ต.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 16.00 - 22.00 น. ตนยังไม่สามารถเปิดเผยกิจกรรมหลักในวันนี้ได้ แต่การชุมนุมครั้งนี้จะผู้เข้าร่วมได้รับการบันทึกไว้ประวัติศาสตร์ไทยอย่างแน่นอน