เตือน! รถยนต์ติดไฟซิ่ง ดัดแปลงไฟรถ อาจมีโทษจําคุก-ปรับและถึงขั้น “ริบรถ”
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเตือน รถยนต์ติดไฟซิ่ง ดัดแปลงไฟรถ อาจมีโทษจําคุก-ปรับและถึงขั้น “ริบรถ” เหตุรบกวนสายตาผู้ขับขี่รถคันอื่น ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน
พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจํานงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณีในสื่อสังคมออนไลน์ เผยแพร่คลิปรถกระบะคันหนึ่งบรรทุกสิ่งของขับในทางเดินรถช่องขวาสุด บนถนนทางสาธารณะ โดยพบมีการดัดแปลงติดตั้งไฟหรี่หน้ารถ ไฟส่องป้ายทะเบียน และไฟใต้ท้องรถเป็นสีฟ้า รวมถึงมีการติดตั้งไฟกระพริบ ส่งผลรบกวนสายตาผู้ขับขี่รถคันอื่น ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน
กรณีดังกล่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะตรวจสอบ และติดตามตัวผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว มาดำเนินการตามกฎหมาย
โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการกำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ หากพบการกระทำผิดกฎหมาย ให้ดำเนินคดีอย่างเข้มงวด เพื่อให้ผู้ใช้รถ ใช้ถนนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และได้จัดตั้ง “ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปข.ตร.)” ขึ้น เพื่อปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์ โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้อำนวยการศูนย์
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุด้วยว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติมได้มีการจับกุมและดำเนินคดี ผู้ขับรถในลักษณะก่อความเดือดร้อน ประมาท ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของบุคคลอื่น โดยนำตัวผู้กระทำความผิดพร้อมรถของกลาง ส่งฟ้องต่อศาล ซึ่งศาลมีคำพิพากษาปรับและจำคุก อีกทั้งยังมีหลายคดีที่ศาลมีคำสั่ง “ริบรถของกลาง” จึงขอเตือนว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถ ใช้ถนนร่วมกัน และเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย อาจมีโทษทั้งจําคุก ปรับและอาจถึงขั้น “ริบรถ”
สำหรับความผิดในลักษณะดังกล่าวจะเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 12 รถใดที่จดทะเบียนแล้ว หากปรากฏในภายหลังว่ารถนั้นมีส่วนควบหรือเครื่องอุปกรณ์ สำหรับรถไม่ครบถ้วนถูกต้องตามที่กำหนดในกฎกระทรวง หรือเพิ่มสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถนั้นจนกว่าจะจัดให้มีครบถ้วนถูกต้องหรือเอาออกแล้ว และ มาตรา 60 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 12 วรรค 1 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท, พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ (1) ในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ (2) ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น (3) ในลักษณะกีดขวางการจราจร (4) โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคล หรือ ทรัพย์สิน (5) ในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดา หรือไม่อาจแลเห็นทางด้านหน้าหรือด้านหลัง ด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้านได้พอแก่ความปลอดภัย (6) คร่อมหรือทับเส้นหรือแนวแบ่งช่องเดินรถ เว้นแต่เมื่อเปลี่ยนช่อง เดินรถ เลี้ยวรถ หรือกลับรถ (7) บนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร เว้นแต่รถลากเข็นสำหรับทารก คนป่วยหรือคนพิการ (8) โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น และ
มาตรา 160 ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 43 (8) ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือ ปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง10,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นการกระทำความผิด ขอให้ท่านรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจในพื้นที่ใกล้ท่าน หรือโทร.สายด่วน 191 หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง