“กรมสมเด็จพระเทพฯ” ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินวัดเทพศิรินทร์ วัดราชาธิวาส
“ในหลวง” โปรดเกล้าฯ ให้ กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ถวายผ้าพระกฐิน พุทธศักราช 2564 ณ วัดเทพศิรินทราวาส วัดราชาธิวาส
วันนี้ (2 พ.ย.64) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ถวายผ้าพระกฐิน พุทธศักราช 2564 ณ วัดเทพศิรินทราวาส
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากวังสระปทุม ไปยังวัดเทพศิรินทราวาส
เวลา 16.02 น. รถยนต์พระที่นั่งเทียบที่ประตูวัดเทพศิรินทราวาสหน้าพระอุโบสถ เสด็จเข้าพระอุโบสถ ทรงรับผ้าไตรจากเจ้าพนักงานศุภรัต ทรงวางผ้าไตรเหนือพานแว่นฟ้าซึ่งตั้งอยู่หน้าอาสน์สงฆ์ใกล้เจ้าอาวาส ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธปฏิมา พระประธานพระอุโบสถ ทรงคม
ทรงหยิบผ้าห่มสำหรับพระประธานที่วางอยู่บนผ้าไตร พระราชทานเจ้าพนักงานภูษามาลา แล้วทรงยืน ณ ที่นั้น เจ้าหน้าที่กรมการศาสนากราบบังคมทูลรายงานจำนวนพระสงฆ์ จบแล้ว ทรงหยิบผ้าไตรที่พานแว่นฟ้านั้นพาดระหว่างพระกร แล้วประนมพระหัตถ์ผินพระพักตร์สู่พระประธาน ทรงว่า “นะโม ตัสสะฯ” จบ 3 หน แล้ว ผินพระพักตร์สู่ที่ชุมนุมสงฆ์ กล่าวคำถวายผ้าพระกฐิน
ทรงวางผ้าไตรไว้บนพานแว่นฟ้าที่เดิม ทรงประเคนผ้าไตรและเทียนปาฏิโมกข์แด่พระสงฆ์รูปที่ 2 ถวายความเคารพพระราชอาสน์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ ประทับพระราชอาสน์ เมื่อพระสงฆ์ผู้ครองผ้าพระกฐินออกไปครองผ้าพระกฐินเสร็จกลับมานั่งยังอาสน์สงฆ์พร้อมแล้ว เสด็จฯ ไปถวายเครื่องบริวารพระกฐินแด่พระสงฆ์ผู้ครองผ้าพระกฐิน ประทับพระราชอาสน์
ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก เสด็จไปทรงคมที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสถวายของที่ระลึกแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ถวายความเคารพพระราชอาสน์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ เสด็จออกจากพระอุโบสถ ไปยังวิหารเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต เสด็จถึงหน้าวิหารเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต ทรงวางพวงมาลัย และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายสักการะ ทรงคม เสด็จฯ ไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง ยังวัดราชาธิวาสวิหาร ซึ่งเป็นวัดที่ 2
วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างเพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายแด่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี โปรดเกล้าฯให้สร้างสุวานหลวงเพื่อเป็นฌาปนสถานสำหรับพระราชวงศ์ซึ่งไม่ได้สร้างพระเมรุฯ ที่ท้องสนามหลวงและสำหรับชนทุกชั้น มีสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ ลายรดน้ำ ลายสลักรูปเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 5 ตระกูลภายในพระอุโบสถ หน้าบันประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีชมพู เป็นลายพระเกี้ยวประดิษฐานบนพาน สื่อความหมายถึงรัชกาลที่ 5 รวมทั้งดอกรำเพย หมายถึงพระนามเดิมของพระบรมราชชนนี มีพระพุทธรูปสำคัญ อาทิ พระพุทธปฏิมา พระประธานปางสมาธิ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หล่อขึ้น เพื่อประดิษฐานบนฐานชุกชีในพระอุโบสถ
พระนิรันตราย เป็นพระพุทธรูปที่รัชกาลที่ 4 โปรดให้สร้างถวายวัดธรรมยุตินิกาย ต่อมารัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาที่วัดเทพศิรินทราวาส นอกจากนี้ยังมีต้นศรีมหาโพธิ์ เกิดจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ วัดนิเวศธรรมประวัติ ที่เป็นพันธุ์จากพุทธคยา ประเทศอินเดีย พิพิธภัณฑ์พระศาสนา จัดแสดงพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า ในรูปแบบสื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ในวันเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ถวายผ้าพระกฐิน พุทธศักราช 2564 ณ วัดราชาธิวาสวิหาร
วัดราชาธิวาสวิหาร หรือวัดราชาธิวาสราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร สร้างด้วยศิลปะไทย ศิลปะขอมและศิลปะตะวันตก กล่าวคือ อาคารมีรูปทรงจำลองมาจากนครวัด ใต้ฐานชุกชีแห่งพระสัมพุทธพรรณีพระพุทธรูปศิลปะรัตนโกสินทร์จำลองจากพระสัมพุทธพรรณีองค์ที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามบรรจุพระบรมราชสรีรางคารสมเด็จพระนางเจ้าพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชสรีรางคารสมเด็จพระศรีสวรินทรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าไว้อยู่ภายใต้ฐานชุกชีพระสัมพุทธวัฒโนภาส และเส้นพระเกศาของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพระเวสสันดรชาดก 13 กัณฑ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงออกแบบและ คาร์โล ริโกลีนายช่างชาวอิตาลี เป็นผู้วาดด้วยเทคนิคสีปูนเปียกที่มองดูแล้วเสมือนจริง โดยเฉพาะใบหน้าของตัวละครเหมือนฝรั่ง แตกต่างไปจากหน้าตาคนไทยอย่างที่พบเห็นตามงานจิตรกรรมทั่วไป