เช็คที่นี่! อีก 13 จว.ยังจม "น้ำท่วม" จาก 3 “พายุใหญ่” ปภ.ลุยสำรวจความเสียหาย
เช็คเลย! ยังเหลืออีก 13 จังหวัด ได้รับผลกระทบอิทธิพล 3 พายุ “เตี้ยนหมู่-ไลออนร็อก-คมปาซุ” พ่วง “มรสุม” ทำ “น้ำท่วม” กระทบ 90,367 ครัวเรือน “ปภ.” ประสานจังหวัด-หน่วยงานเกี่ยวข้องสำรวจความเสียหาย-ช่วยเหลือประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2564 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานอิทธิพลพายุ “เตี้ยนหมู่” พายุ “ไลออนร็อก” พายุ “คมปาซุ” และร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. – 2 พ.ย. 2564 ทำให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 13 จังหวัด (หนองบัวลำภู ขอนแก่น มหาสารคาม อุบลราชธานี นครราชสีมา สิงห์บุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม และปราจีนบุรี) รวม 43 อำเภอ 352 ตำบล 2,031 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 90,367 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 21 ราย อยู่ระหว่างการเร่งระบายน้ำ โดย ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานอิทธิพล พายุเตี้ยนหมู่ พายุไลออนร็อก พายุคมปาซุ และร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. – 2 พ.ย. 2564 ทำให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ หนองบัวลำภู ขอนแก่น มหาสารคาม อุบลราชธานี นครราชสีมา สิงห์บุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม และปราจีนบุรี รวม 43 อำเภอ 352 ตำบล 2,031 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 90,367 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 21 ราย (ลพบุรี 11 ราย เพชรบูรณ์ 2 ราย ชัยนาท 2 ราย นครสวรรค์ 3 ราย สิงห์บุรี 3 ราย) แยกเป็น
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่
1.หนองบัวลำภู ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโนนสัง และอำเภอศรีบุญเรือง รวม 7 ตำบล 16 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 254 ครัวเรือน
2.ขอนแก่น ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภออุบลรัตน์ อำเภอน้ำพอง และอำเภอเมืองขอนแก่น รวม 12 ตำบล 41 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,473 ครัวเรือน
3.มหาสารคาม ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโกสุมพิสัย อำเภอกันทรวิชัย และอำเภอเมืองมหาสารคาม รวม 12 ตำบล 41 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,627 ครัวเรือน
4.อุบลราชธานี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี และอำเภอวารินชำราบ รวม 4 ตำบล 26 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 577 ครัวเรือน
5. นครราชสีมา ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโนนสูง และอำเภอพิมาย 14 ตำบล 129 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,073 ครัวเรือน
ภาคกลาง 7 จังหวัด ได้แก่
6.สิงห์บุรี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี และอำเภอพรหมบุรี รวม 13 ตำบล 56 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,905 ครัวเรือน
7.ลพบุรี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอเมืองลพบุรี รวม 8 ตำบล 30 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,121 ครัวเรือน
8.สุพรรณบุรี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง รวม 20 ตำบล 58 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,011 ครัวเรือน
9.อ่างทอง ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอไชโย อำเภอป่าโมก และอำเภอวิเศษชัยชาญ รวม 36 ตำบล 166 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,453 ครัวเรือน
10.พระนครศรีอยุธยา ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา อำเภอบางบาล อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน อำเภอมหาราช อำเภอบางปะหัน อำเภอบางซ้าย อำเภอลาดบัวหลวง และอำเภอบ้านแพรก รวม 132 ตำบล 800 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 55,376 ครัวเรือน
11.ปทุมธานี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก รวม 21 ตำบล 56 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,301 ครัวเรือน
12.นครปฐม ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางเลน อำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน อำเภอกำแพงแสน และอำเภอดอนตูม รวม 61 ตำบล 475 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,909 ครัวเรือน
ภาคตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่
13.ปราจีนบุรี ยังมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านสร้าง และอำเภอศรีมโหสถ รวม 9 ตำบล 54 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,296 ครัวเรือน
ภาพรวมสถานการณ์คลี่คลายในหลายพื้นที่แล้ว ระดับน้ำลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ สำหรับการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระดมสรรพกำลังในการระบายน้ำออกจากพื้นที่ และดูแลให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจัดเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ฯ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง