คลังค้านลดภาษีน้ำมันชี้กระทบรายได้1.5แสนล้าน

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงข้อเรียกร้องของสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซล ขายปลีกให้อยู่ที่ 25บาท/ลิตร จากปัจจุบันที่ราคาขายปลีกดีเซลอยู่ที่ 30 บาท/ลิตร โดยเรียกร้องให้กระทรวงการคลัง ปรับลดภาษี น้ำมันดีเซลลง 5 บาทว่า หากทำตามข้อเรียกร้องนี้ จะทำให้กระทรวงการคลังสูญเสียรายได้จากภาษีน้ำมันไปถึง 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งกระทบฐานะการคลังของรัฐบาล เนื่องจากไม่สามารถหารายได้จากแหล่งอื่นมาชดเชยได้

แหล่งข่าวกล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกลิตรละ 2 บาท ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีก สามารถตรึงอยู่ที่ 30 บาท/ลิตร แทนที่จะเป็น 32 บาท/ลิตร  ซึ่งปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีเงินอยู่ 7 พันล้านบาท คาดว่า จะสามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกให้อยู่ที่ 30 บาท/ลิตร จนถึงสิ้นปีนี้ และทางสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เสนอที่จะกู้เงินเพื่อเติมเงินใส่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอีก 2 หมื่นล้านบาท เพื่อสำรองไว้กรณีที่ต้องใช้เงินจากกองทุนมากกว่า 7 พันล้านบาท เพื่อตรึงราคาน้ำมันดีเซล

แหล่งข่าวกล่าวว่า การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลในขณะนี้ นอกจากกระทบต่อรายได้ของรัฐบาลแล้ว ในระยะต่อไปหากราคาน้ำมันปรับขึ้นไปสูงกว่าปัจจุบัน  ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ราว 87 เหรียญ/บาร์เรล จะทำให้รัฐบาลไม่มีเครื่องมือทางการคลัง คือ มาตรการทางภาษี เพื่อช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซล

ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น ปัจจัยที่เป็นแรงผลักดันราคาส่วนหนึ่งเป็นผลจากการใช้ไฟฟ้าที่มากขึ้นของฝั่งยุโรปที่อยู่ในฤดูหนาว หากผ่านพ้นช่วงนี้ไป จนถึงฤดูร้อนของยุโรปในเดือนมี.ค.คาดว่าการใช้พลังงานจะลดลง

นอกจากนี้ การที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงกว่า 10% ในช่วงที่ผ่านมา ก็ส่งผลให้ราคาน้ำมันนำเข้ามีราคาสูงขึ้นด้วย  อย่างไรก็ตามคาดว่า เมื่อประเทศไทย มีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่ 1 พ.ย.นี้เป็นต้นไป น่าจะเป็นแรงสนับสนุนให้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้น

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ ปี 2565 กรมสรรพสามิต คาดว่า จะสามารถจัดเก็บภาษีได้ 5.97 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากภาษีน้ำมัน และผลิตภัณฑ์น้ำมัน 2.25 แสนล้านบาท ขณะที่ รายได้สุทธิของรัฐบาลทั้งหมดอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านบาท

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์