เปิดพรุ่งนี้ “อินทนนท์” ประกาศกฎเหล็ก สัมผัสลมหนาวแบบปลอดภัย
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เปิดรับนักท่องเที่ยว 10 พ.ย. 64 อุณหภูมิมีแนวโน้มลดลงแตะเลขตัวเดียวต้อนรับลมหนาาวของปีนี้ ประกาศกฎต้องลงทะเบียนเข้าพื้นที่ล่วงหน้า และมีวัคซีนครบโดส แหล่งท่องเที่ยว 21 จุด กำหนดช่วงเวลา-จำนวนคน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นยอดเขาสูงสุดของประเทศไทย และยังแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงฤดูหนาว ล่าสุด ได้ประกาศพร้อมเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างประเทศอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 10 พ.ย.2564 ตั้งแต่เวลา 05.00น.เป็นต้นไป โดยบรรยากาศในเช้าวันนี้ที่จุดยอดดอยอุณหภูมิวัดได้ที่ 10 องศาเซลเซียส และมีแนวโน้มว่าใน 1-2 วันนี้อุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส ขณะที่ท้องฟ้าเปิด ทำให้วันนี้ได้เห็นถึงความสวยงามของทะเลหมอกสีขาวโพลน
ทั้งนี้ ทางอุทยานฯ ได้กำหนดสถานที่แหล่งท่องเที่ยวทั้งหมด 21จุด และแบ่งช่วงเวลาท่องเที่ยว 3 ช่วงเวลา 05.00-10.30 น., 10.31-14.00 น. และ 14.01-18.00น. พร้อมทั้งจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวในแต่ละจุดไว้ไม่เกิน 50-100 คน โดยนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในพื้นที่ต้องมีการลงทะเบียนจองคิวล่วงหน้า 15 วัน ก่อนเข้าอุทยานฯผ่านแอพลิเคชั่นQue-Q พร้อมกันนี้จะต้องมีการแสดงหลักฐานการฉีควัคซีนครบโดส และลงทะเบียน CM-CHANA ขณะที่ที่พักแรมนั้น หากเป็นบ้านพักต้องจองผ่านเว็บไซต์http;npa.dnp.go.th ส่วนเต็นท์ดงสน จำกัดได้วันละ 50 คน
ขณะที่ไฮไลท์พื้นที่ท่องเที่ยวที่เป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยว ที่จุดกิ่วแม่ปาน ซึ่งเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และมีจุดชมทะเลหมอก ที่สวยงาม นักท่องเที่ยวจะต้องมาลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 05.30น.เป็นต้นไป โดยกำหนดเดินรอบแรกเวลา 06.10น. และรอบสุดท้ายเวลา 15.50 น. โดยกำหนดปริมาณนักท่องเที่ยวไว้ที่ 50 กลุ่มต่อวัน ดังนั้น ในปีนี้หากนักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานฯ จะต้องมีการวางแผนการเดินทาง และจองที่พักให้เรียบร้อย เพื่อให้เกิดความสะดวกในการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ2563 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาพื้นที่ทั้งหมดกว่า 732,474 คน มีรายได้ กว่า 70ล้านบาท และเมื่อมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดได้มีการปิดพื้นที่ชั่วคราว ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 เป็นต้นมา ทำให้ปีงบประมาณ 2564 ตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งหมดลดลงเหลือกว่า 381,889คน มีรายได้กว่า 21 ล้านบาท