พาณิชย์เผย ค้าชายแดน-ผ่านแดน 9 เดือน โตพุ่ง 38.06 %
“จุรินทร์”โวค้าชายแดน-ผ่านแดน ปี 64 ทะลุเป้า 3 % แน่หลังยอด 9 เดือน 778,367 ล้านบาท ขยายตัว 38.06% ส่วนเดือนก.ย.ชายแดน-ผ่านแดนมูลค่า 96,184 ล้านบาท ขยายตัว 38.32% เมียนมาขยายตัวสูง 102.06% ขณะที่เวีดนามติดลบ30.79% จากโควิด-19
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน 9 เดือนแรกของปีนี้ คือตั้งแต่ ม.ค.-ก.ย.2564 มีการส่งออกแล้ว 778,367 ล้านบาท ขยายตัว 38.06% ส่วนมูลค่าการค้ารวมทั้งส่งออกและนำเข้า 9 เดือนแรกของปีนี้ เป็นมูลค่า 1,275,542 ล้านบาท ซึ่งปี 64 กระทรวงฯได้ตั้งเป้าการค้าชายแดนและผ่านแดน ขยายตัว 3% มูลค่า 789,198 ล้านบาท แต่ 9 เดือนแรกทำไปแล้ว 778,367 ล้าน ยังเหลืออีก 3 เดือน ต.ค.-ธ.ค. จะเกินเป้าหมายที่ 3% แน่นอน
สำหรับเดือนก.ย. ส่งออกผ่านการค้าชายแดนและข้ามแดน มีมูลค่ารวม 96,184 ล้านบาท ขยายตัว 38.32% โดยมีมูลค่ารวมทางการค้าทั้งส่งออกและนำเข้า เป็นเงิน 157,182 บาท เมื่อแยกเป็นการค้าชายแดนไทยกับเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ คือ เมียนมา ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย โดยประเทศเมียนมา มีมูลค่า 13,387 ล้านบาท เพิ่ม 102.06% มาเลเซีย มูลค่า 16,710 ล้านบาท เพิ่ม 42.59% กัมพูชา มูลค่า 13,171 ล้านบาท เพิ่ม 5.69% และ .สปป.ลาว ส่งออก 9,916 ล้านบาท เพิ่ม 22% ส่วนการส่งออกผ่านแดน นั้น สิงคโปร์ ส่งออก 5,988 ล้านบาท เพิ่ม 83.81% จีน ส่งออก 15,335 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.37% ขณะที่เวียดนามติดลบ 30.79% มูลค่า 3,181 ล้านบาท
สาเหตุที่ประเทศเวียดนามเติดลบเพราะในช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์โควิดในเวียดนาม ทำให้รัฐบาลเข้มงวดประกอบกับคำสั่งล็อกดาวน์ในนครโฮจิมินห์ จึงทำให้การส่งสินค้าไทยข้ามแดนไปเวียดนามมีอุปสรรค ส่วนประเทศอื่นสถานการณ์ถือว่าเป็นบวกโดยเฉพาะเมียนมา แม้การเมืองภายในยังไม่กลับเข้าสู่สภาวะปกติ แต่ความต้องการสินค้าจากประเทศไทยยังสูงมาก ส่วนจีนนั้นตัวเลขยังเป็นบวกมาก เพราะเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวมากขึ้น ความต้องการสินค้าคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ส่วนประกอบ เพิ่ม 66% ยางพาราเพิ่ม 101% และไม้แปรรูปเพิ่ม 52% เป็นต้น คาดว่าเศรษฐกิจจีนปี 64 จะขยายตัวถึง 8.1% ขณะที่มาเลเซีย ยังดีอยู่เพราะภาคการผลิตเริ่มกลับมาฟื้นตัว ประกอบกับความต้องการสินค้าไทยมากขึ้น และตัวเลขการค้าในเดือนกันยายนในภาพรวมทั้งการค้าข้ามแดนและผ่านแดน
ทั้งนี้การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน ที่โตต่อเนื่องมาจากการทำงานร่วมกันของกระทรวงพาณิชย์กับเอกชนในนาม กรอ.พาณิชย์.อย่างมีประสิทธิภาพ และได้มีการดำเนินการโครงการจับคู่กู้เงินสถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก ช่วยให้ SMEs ส่งออกมีเงินทุนหมุนเวียน ได้อนุมัติไปแล้วถึง 2,500 ล้านบาท
ประกอบกับการทำงานเชิงรุกระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงเกษตรฯ โดยเฉพาะให้ทูตพาณิชย์กับทูตเกษตรเร่งเจรจาเวลามีปัญหาตรงด่านชายแดน ช่วงที่ผ่านมาปรากฏว่าสินค้าที่ส่งผ่านไปในจีนผ่านด่านต่างๆได้มีการเจรจาจนกระทั่งมีการเปิดด่านเพิ่มขึ้นจาก 9 ด่านเป็น 16 ด่าน(ด่านส่งออกนำเข้าผลไม้ไปจีนทางบก)โดยไทยเพิ่มจาก 5 ด่านเป็น 6 ด่าน คือ เพิ่มจากเชียงของ มุกดาหาร นครพนม บ้านผักกาด และบึงกาฬเพิ่มอีก 1 ด่าน คือ จังหวัดหนองคาย
ส่วนฝั่งจีนเพิ่มจุดนำเข้าที่ด่านจาก 4 ด่านเป็น 10 ด่าน เดิม 4 ด่าน คือ โมฮาน โหย่วอี้กวน ตงซิงและผิงเสียง เพิ่มอีก 6 ด่าน คือ ด่านรถไฟโมฮาน เหอโข่ว ด่านรถไฟเหอโข่ว เทียนเป่า หลงปังและสุยโข่ว ด้านด่านไทย-จีน เพิ่มขึ้นจาก 9 ด่านเป็น 16 ด่านทำให้การส่งออกชายแดนผ่านแดนสะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งค่าเงินบาทของเรายังคงอ่อนค่าส่งผลให้ราคาของเราแข่งขันได้ดี
ส่วน ด่านไทย-มาเลเซีย ตนได้เดินทางไปประชุมกับด่านตากใบและบูเก๊ะตา ร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ซึ่งไทยประสงค์จะเห็นการเปิดด่าน 2 ด่านนี้โดยเร็ว เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าต่อไปในอนาคต ได้มีการสั่งการให้ทูตพาณิชย์ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศและเจรจากับฝั่งมาเลเซีย ตั้งเป้าว่ากลางเดือนพ.ย. จะสามารถเปิดด่านได้ แล้วจะเรียนให้ทราบต่อไป และโครงการ”จับคู่กู้เงิน” สถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก ที่หมดอายุโครงการวันที่ 7 เดือน 11 จะขยายเวลาไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อช่วยต่อลมหายใจให้กับ SMEs ต่อไป จะได้ช่วยกันส่งเสริมตัวเลขการค้าชายแดนและข้ามแดนได้มากขึ้น