ปภ.อัพเดต “น้ำท่วม” 13 พ.ย. 15 จว.ยังจม-มรสุมกระหน่ำใต้ 6 จว.อ่วม-ตาย 2
“ปภ.” อัพเดต “น้ำท่วม” 13 พ.ย. 15 จังหวัดยังจม อิทธิพลมรสุมกระหน่ำ “ภาคใต้” 6 จังหวัดอ่วม เสียชีวิต 2 ศพ กระทบ 3,246 ครัวเรือน บทสรุป 3 พายุใหญ่ “เตี้ยนหมู่-ไลออนร็อก-คมปาซุ” เสียชีวิตรวม 35 ศพ กระทบ 75,295 ครัวเรือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2564 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์อุทกภัย และน้ำป่าไหลหลาก รวม 15 จังหวัด โดยมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 10 - 13 พ.ย. 2564 ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 6 จังหวัด (เพชรบุรี ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา) รวม 26 อำเภอ 66 ตำบล 256 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,246 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 2 ราย
ในขณะที่อิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ พายุไลออนร็อก พายุคมปาซุ และร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบน ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. – 13 พ.ย. 2564 ทำให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 9 จังหวัด (หนองบัวลำภู มหาสารคาม อุบลราชธานี ลพบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครปฐม) รวม 28 อำเภอ 264 ตำบล 1,513 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 75,295 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 35 ราย ภาพรวมสถานการณ์คลี่คลายในหลายพื้นที่แล้ว ระดับน้ำลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย เร่งระบายน้ำและให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 10 - 13 พ.ย. 2564 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา รวม 26 อำเภอ 66 ตำบล 256 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,246 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 2 ราย ในจังหวัดชุมพร
สถานการณ์ในภาพรวมระดับน้ำลดลง ดังนี้
ภาคกลาง 1 จังหวัด รวม 6 อำเภอ 13 ตำบล 47 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 110 ครัวเรือน ได้แก่
1. เพชรบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านลาด อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง อำเภอแก่งกระจาน และอำเภอหนองหญ้าปล่อง รวม 13 ตำบล 47 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 110 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
ภาคใต้ 5 จังหวัด รวม 20 อำเภอ 53 ตำบล 209 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,136 ครัวเรือน ได้แก่
2. ระนอง น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกระบุรี ละอุ่น รวม 3 ตำบล 13 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 100 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
3. ชุมพร น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหลังสวน อำเภอทุ่งตะโก อำเภอสวี และอำเภอพะโต๊ะ รวม 25 ตำบล 153 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,683 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
4. สุราษฎร์ธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพระแสง และอำเภอดอนสัก รวม 3 ตำบล 10 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 182 ครัวเรือน ประชาชนได้รับผลกระทบ 182 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
5. นครศรีธรรมราช น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอพระพรหม อำเภอสิชล อำเภอร่อนพิบูลย์ และอำเภอนบพิตำ รวม 10 ตำบล 17 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 160 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
6.สงขลา น้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสงขลา อำเภอระโนด อำเภอสิงหนคร อำเภอสทิงพระ อำเภอควนเนียงอำเภอสะเดา และอำเภอคลองหอยโข่ง รวม 12 ตำบล 16 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
ขณะที่อิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ พายุไลออนร็อก พายุคมปาซุ และร่องมรสุมพาดผ่านภาคตะวันออกและภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. – 13 พ.ย. 2564 ทำให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 9 จังหวัด (หนองบัวลำภู มหาสารคาม อุบลราชธานี ลพบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครปฐม) รวม 28 อำเภอ 264 ตำบล 1,513 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 75,295 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 35 ราย (นครราชสีมา 12 ราย ลพบุรี 11 ราย เพชรบูรณ์ 2 ราย ชัยนาท 2 ราย นครสวรรค์ 3 ราย สิงห์บุรี 3 ราย สุพรรณบุรี 2 ราย) แยกเป็น
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 จังหวัด รวม 6 อำเภอ 21 ตำบล 81 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,392 ครัวเรือน ได้แก่
1.หนองบัวลำภู ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอโนนสัง รวม 5 ตำบล 14 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 188 ครัวเรือน
2.มหาสารคาม ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโกสุมพิสัย อำเภอกันทรวิชัย และอำเภอเมืองมหาสารคาม รวม 12 ตำบล 41 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,627 ครัวเรือน
3.อุบลราชธานี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี และอำเภอวารินชำราบ รวม 4 ตำบล 26 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 577 ครัวเรือน
ภาคกลาง 6 จังหวัด รวม 22 อำเภอ 243 ตำบล 1,432 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 71,903 ครัวเรือน ได้แก่
4.ลพบุรี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอเมืองลพบุรี รวม 6 ตำบล 21 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 800 ครัวเรือน
5.สุพรรณบุรี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง รวม 20 ตำบล 58 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,011 ครัวเรือน
6.อ่างทอง ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอไชโย อำเภอป่าโมก และอำเภอวิเศษชัยชาญ รวม 29 ตำบล 142 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,467 ครัวเรือน
7.พระนครศรีอยุธยา ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา อำเภอบางบาล อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน และอำเภอลาดบัวหลวง รวม 106 ตำบล 380 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 49,385 ครัวเรือน
8.ปทุมธานี ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก รวม 21 ตำบล 56 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,301 ครัวเรือน
9.นครปฐม ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางเลน อำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน อำเภอกำแพงแสน และอำเภอดอนตูม รวม 61 ตำบล 475 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,909 ครัวเรือน
ภาพรวมสถานการณ์คลี่คลายในหลายพื้นที่แล้ว ระดับน้ำลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ สำหรับการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระดมสรรพกำลังในการระบายน้ำออกจากพื้นที่ และดูแลให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ฯ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง