ทร. เปิดสถิติ 1 ปี เรือประมงเวียดนามรุกล้ำจับสัตว์น้ำทะเลไทย 42 ลำ 202 คน
"กองทัพเรือ" ระบุ เรือประมงต่างชาติรุกล้ำทะเลไทย จับสัตว์น้ำต่อเนื่อง พบ 1 ปีจับได้ 42 ลำ ลูกเรือ 202 คน คาดทวีจำนวนเพิ่มมากยิ่งขึ้น
17 พ.ย.2564 ตามที่ได้ปรากฏข่าวสาร เมื่อวันที่ 16 พ.ย.64 ทัพเรือภาคที่ 2 จับกุมเรือประมงเวียดนามรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในน่านน้ำไทยจำนวน 2 ลำ พร้อมลูกเรือ 5 คน จึงได้นำเรือประมงพร้อมลูกเรือดังกล่าวไปยังสถานีเรือสมุย ฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 เพื่อดำเนินสอบสวนเบื้องต้น และนำส่งให้ จนท.ตำรวจ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป นั้น
จากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติใต้ท้องทะเลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรัพยากรสัตว์น้ำ ที่เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และสร้างรายได้ให้แก่พี่น้องชาวประมงอย่างยั่งยืนมาหลายชั่วคน แต่ปัจจุบันท้องทะเลไทยกำลังเผชิญปัญหาด้านความมั่นคงทางทรัพยากรสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลโดยเฉพาะปลาและสัตว์น้ำอื่นๆ ที่กำลังถูกรุกล้ำจาก เรือประมงประเทศเพื่อนบ้าน
โดยเฉพาะเวียดนามที่ลักลอบเข้ามาทำการประมงในน่านน้ำไทยอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังใช้อุปกรณ์จับสัตว์น้ำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ การลดจำนวนของปลาและสัตว์น้ำอื่นๆ ใต้ท้องทะเลไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ท้องทะเลไทยอันกว้างใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ 323,488.32 ตารางกิโลเมตร ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 60 ของอาณาเขตทางบก กองทัพเรือได้จัดกำลังทางเรือและอากาศยาน ในการปกป้องอธิปไตย รวมถึงพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และรักษากฎหมายในทะเล ทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับ เพื่อพี่น้องประชาชนชาวไทย
จากสถิติที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2563 – จนถึงปัจจุบัน สามารถจับกุมเรือประมงเวียดนามได้ รวม 42 ลำ ลูกเรือ 202 คน ซึ่งแนวโน้มสถานการณ์นี้ยังดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง และอาจจะทวีจำนวนเพิ่มมากยิ่งขึ้น เนื่องจากทรัพยากรสัตว์ทะเลของไทยบริเวณอ่าวไทยที่อุดมสมบูรณ์มากกว่า จึงเป็นแรงจูงใจให้เรือประมงเวียดนาม ยอมทำผิดกฎหมาย ลักลอบเข้ามาทำการประมงในน่านน้ำไทยโดยไม่รับอนุญาต
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลิงทะเลที่นำไปทำในเมนูปลิงทะเลซุปน้ำแดง ซึ่งเป็นเมนูยอดนิยมของชาวเวียดนาม อีกครั้งเป็นเมนูที่มีราคาที่สูง จึงเป็นสิ่งเย้ายวนให้มีการลักลอบเข้ามาจับ จนมีความเสี่ยงต่อการลดจำนวน และนับว่าเป็นการแย่งชิงทรัพยากรที่มีค่าจากพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะชาวประมงไทยที่แสวงหาผลประโยชน์จากการทำประมงในอ่าวไทยไปอย่างน่าใจหาย
ด้วยเหตุนี้ กองทัพเรือ ในฐานะหน่วยงานหนึ่งของ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติในทะเล (ศรชล.) โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ.2562 ประกอบกับพระราชบัญญัติให้อำนาจทหารเรือปราบปรามการกระทำความผิดบางอย่างทางทะเล พ.ศ.2490 ได้ดำเนินการจับกุมเรือประมงของประเทศเพื่อนบ้านที่รุกล้ำเข้ามาทำการประมงในอาณาเขตทางทะเลของประเทศไทย โดยเฉพาะเรือประมงเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากพบเห็นการกระทําความผิดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทําผิดกฎหมายเกี่ยวกับการประมง เจ้าหน้าที่ทหารเรือมีอำนาจในการเข้าไปตรวจสอบและจับกุมเรือประมงต้องสงสัยได้
แต่จากพฤติกรรมของเรือประมงเวียดนามที่ผ่านมา พบว่า บางครั้งมีความพยายามขัดขืนและหลบหนีจากการจับกุม แต่อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือขอยืนยันว่าจะยังคงดำรงภารกิจที่จะปกป้องและพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลแทนพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้ทะเลอ่าวไทยยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรในทะเล และพี่น้องประชาชนสามารถแสวงหาผลประโยชน์ทางทะเลได้อย่างยั่งยืนตลอดไป