ราชกิจจาฯ ประกาศ "รัฐธรรมนูญ แก้ไขระบบเลือกตั้ง" แล้ว มีผลบังคับใช้ 22 พ.ย.
เว็ปไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ เมื่อ21พฤศจิกายน รัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่1)พ.ศ.2564 ที่แก้ไขว่าด้วยระบบเลือกตั้ง มีผลบังคับใช้ 22 พ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็ปไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1 ) พ.ศ. 2564 เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน แล้ว
โดยทำให้รัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ดังกล่าว ซึ่งแก้ไขเนื้อหาว่าด้วยระบบเลือกตั้ง มีผลบังคับใช้ ในวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือ วันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป
สำหรับสาระของรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่1) พ.ศ.2564 มีเนื้อหาสำคัญดังนี้ ในมาตรา 83 ให้ สภาผู้แทนราษฎร มีสมาชิก จำนวน 500 คน มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 400 คน และ สมาชิกมาจากเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน และให้มีบัตรเลือกตั้ง2ใบ
มาตรา 86 ว่าด้วยการกำหนดจำนวน ส.ส.พึงมีแต่ละจังหวัด ได้แก้ไขตัวเลข ส.ส.ให้สอดคล้องกับจำนวนเขต 400 เขต , มาตรา 91 ว่าด้วยการคำนวณสัดส่วนผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมือง โดยระบุให้ใช้คะแนนที่พรรคได้รับเลือกตั้งรวมกันทั้งประเทศมาคำนวณเพื่อแบ่งจำนวน ผู้ได้รับเลือกตามสัดส่วนที่สัมพันธ์กับคะแนนรวมของพรรค และให้ผู้ที่อยู่ในบัญชีผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้รับเลือกตามเกณฑ์คะแนนที่คำนวณได้เรียงลำดับหมายเลข
และกำหนดบทเฉพาะ ไม่ให้นำมาตราที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญนี้ บังคับใช้จนกว่าจะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไปครั้งแรกภายหลังประกาศใช้
และระหว่างที่ไม่ให้นำบทบัญญัติดังกล่าวมาบังคับใช้ ให้ใช้เนื้อหาเดิมของมาตราดังกล่าวบังคับใช้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ท้ายคำประกาศ มีหมายเหตุ ระบุถึงเหตุผลในการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้ คือ โดยท่ีมาตรา 83 และมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้กำหนดสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 500คน มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกต้ังจำนวน 350 คน มาจากบัญชีรายช่ือของพรรคการเมืองจำนวน 150 คน ไม่สอดคล้องต่อจำนวนประชากรในแต่ละเขตเลือกตั้ง
หากกำหนดให้มี ส.ส. มีจำนวน 400 คน จะทำให้ดูแลปัญหาของประชาชนมีความใกล้ชิดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน
และการคำนวณคะแนน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ มีความจำเป็นต้องมีหลักเกณฑ์ท่ีชัดเจนและเป็นธรรมต่อพรรคการเมืองและต้องเคารพหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงของประชาชน การให้มีบัตรเลือกต้ังสองใบเพื่อให้ประชาชนมีสิทธิในการเลือกพรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต ย่อมทำให้ประชาชนได้ใช้เจตจำนงในการเลือกตั้ง ที่สอดคล้องกับความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตรารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ.2564