สถานทูตฯ เตือนคนไทย ลอบขนยาเสพติดเข้า "เกาหลีใต้" โทษถึงคุกตลอดชีวิต

สถานทูตฯ เตือนคนไทย ลอบขนยาเสพติดเข้า "เกาหลีใต้" โทษถึงคุกตลอดชีวิต

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล เตือนคนไทย ลักลอบขน-จำหน่ายยาเสพติด มีโทษหนัก จำคุกตลอดชีวิต ถูกเนรเทศห้ามเข้ามาอีก

เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก "สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล / Royal Thai Embassy, Seoul" โพสต์ข้อความเตือนคนไทยที่จะเดินทางมาหรือพักอาศัยอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ กรณียาเสพติด

 

เนื่องจากกฎหมายของเกาหลีใต้ กำหนดบทลงโทษผู้กระทำผิดข้อหายาเสพติดที่รุนแรง การลักลอบนำเข้า มีโทษจำคุก 5 ปีขึ้นไป หรือตลอดชีวิต 

 

ส่วนการจำหน่ายหรือเสพ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และผู้กระทำผิดจะถูกเนรเทศและห้ามเดินทางเข้าเกาหลีใต้อีก

สถานทูตฯ เตือนคนไทย ลอบขนยาเสพติดเข้า \"เกาหลีใต้\" โทษถึงคุกตลอดชีวิต

ด้าน นายธนกร วังคงบุญชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ประชาชนฝากให้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำสงครามกับยาเสพติด และปราบยาเสพติดอย่างจริงจัง ให้เหมือนสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่ประกาศสงครามกับยาเสพติด เพราะขณะนี้มีนักโทษคดียาเสพติดมากถึง 82% แล้วว่า สาเหตุที่ยาบ้ามีจำนวนมากขึ้น เพราะเทคโนโลยีการผลิต คือเครื่องปั๊มยาผลิตได้เร็วและมากขึ้น มีการใช้ส่วนผสมของสารเคมี ทำให้ผลิตได้หลักล้านเม็ดใน 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีการ Order ยาเสพติดไปยังประเทศที่ 3 เพิ่มมากขึ้น มีการปรับกลยุทธ์ทั้งรูปแบบการซื้อขายยาเสพติดโดย social media มากขึ้น และการขนส่ง ลำเลียงยาเสพติด มีการซุกซ่อนได้แยบยลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 ธ.ค. 2564 ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การยึดทรัพย์ ตัดวงจร ทลายเครือข่ายทั้งระบบ ซึ่งในปีที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการนำร่องไปแล้ว โดยยึดทรัพย์ได้มากกว่า 7,300 ล้านบาท

นายธนกร กล่าวอีกว่า ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม มีการร่วมมือกับหน่วยงานทางด้านการเงินและธนาคาร และยังสามารถยึดทรัพย์ย้อนหลังผู้ค้ายาได้ถึง 10 ปีตามมูลค่าของการค้าที่ทำมา และเรามีปฏิบัติการ "ยุทธการพิทักษ์ไทย ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด" และคณะทำงานปฏิบัติการพาลีปราบยา รวมถึงยังมีรางวัลสำหรับผู้แจ้งเบาะแสให้ราชการรู้ในส่วนแบ่งของการยึดทรัพย์ 5% ซึ่งกฎหมายเก่ามีเงินรางวัลน้อยเพราะไปเน้นที่ตัวมูลค่าจำนวนเม็ดยาที่จับได้ อย่างไรก็ตาม ในหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยสกัดกั้นยาเสพติดผ่านกลไกและความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆ ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งการพัฒนากลไกระบบและการเสริมสร้างความสามารถของผู้ปฏิบัติงาน เป็นประเด็นที่จะต้องให้ความสำคัญ มิใช่เพียงแค่ประเทศไทย แต่ต้องเป็นความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน โดยมีแผนปฏิบัติการสามเหลี่ยมทองคำ 1511 เป็นกลไกหลักในการยกระดับมาตรการในการสกัดกั้น และยังมีความร่วมมือกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ทั้ง สหรัฐ จีน ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้อีกด้วย


"การปราบปรามยาเสพติด ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 20 พ.ย. 2564 ยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดไปแล้ว 258 ล้านบาท จากเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ยังดำเนินการยึดทรัพย์ขบวนการยาเสพติดได้มากกว่า 7,300 ล้านบาทตามข้อสั่งการของนายรัฐมนตรีอีกด้วย โดยประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่นั้น จะเป็นจุดที่ทำให้คนหวาดกลัวที่จะค้ายา เพราะนอกจากจะถูกจับติดคุกแล้ว ยังโดนยึดทรัพย์จนหมดตัวอีกด้วย ผมอยากให้ทุกท่านช่วยกันแจ้งเบาะแส นอกจากมีรางวัลก้อนโตแล้ว ยังช่วยให้ลูกหลานของเราปลอดภัยอีกด้วย" นายธนกร กล่าว