เวทีเจรจาการค้าโลก ยกเงื่อนไข“โลว์คาร์บอน”
เวทีการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เตรียมนำปมสิ่งแวดล้อมเป็นเงื่อนไขทำการค้า พาณิชย์ แนะเอกชนปรับตัว รับมือการเปลี่ยนแปลง
เวทีการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ มีแนวโน้มที่จะนำประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม มาเป็นเงื่อนไขทำการค้าระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้ภาคเอกชนจำเป็นต้องติดตามความเคลื่อนไหวของข้อตกลงการค้า เพื่อรับมือให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจนำมาสู่มาตรการกีดกันทางการค้า
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ปัจจุบันทุกเวทีการค้าระหว่างประเทศไม่ว่าจะเป็นพหุภาคีและทวิภาคี ต่างให้กับสำคัญกับข้อบทด้านสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นองค์การการค้าโลก (WTO) ที่ให้มีการยกเว้นให้สมาชิกจำกัดการนำเข้าเพื่อสิ่งแวดล้อมได้แต่ต้องสมเหตุสมผล โดยมีการตั้งคณะกรรมการว่าด้วยการค้าและสิ่งแวดล้อม ซึ่งที่เป็นเวทีหารือหลักเรื่องการค้าและสิ่งแวดล้อม และกรณีที่มีปัญหาในเรื่องของคำนิยามสิ่งแวดล้อมก็ใช้เวทีในการการหารือ
ส่วนเวทีความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ได้มีการจัดทำบัญชีรายการสินค้าสิ่งแวดล้อม เพื่อลดภาษีนำเข้าให้เหลือไม่เกิน 5% ในสินค้า 54 รายการ การจัดทำแนวทางส่งเสริมและอำนวยความสะดวกแก่บริการสิ่งแวดล้อม โดยสมาชิกต้องลดภาษีและถือเป็นความร่วมมือของประเทศสมาชิกที่ต้องการทำเรื่องสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้เวทีสหประชาชาติ (UN) มีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change หรือ UNFCCC) ที่มีหลักการที่มีผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ
ด้านเวทีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ในปัจจุบันก็มีข้อบทเรื่องสิ่งแวดล้อมและข้อบทเรื่องการค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น ข้อตกลงการค้าเสรีของสหภาพยุโรป (EU) ที่ทำกับหลายประเทศ มักจะมีข้อบทที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประเทศที่ทำข้อตกลงให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
สำหรับประเทศไทยมีข้อตกลงการค้าเสรี 13 ฉบับ ที่ได้ทำไปแล้วแต่ยังไม่มีข้อบทเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่ปัจจุบันหากจะทำข้อตกลงการค้าเสรฉบับใหม่จะมีเรื่องสิ่งแวดล้อมมาเกี่ยวข้อง
ส่วนอาเซียนเองมี AEC Blueprint 2025 ที่กำหนดให้เรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และรับรองกรอบเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับ AEC โดยมอบให้ฝ่ายเลขาธิการอาเซียนไปศึกษากลยุทธ์ในการทำให้อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีความเป็นกลายทางคาร์บอน รวมทั้งการทำข้อตกลงการค้าเสรีกับหลายประเทศ กำหนดให้ประเทศคู่เจรจาของอาเซียนเสนอให้มีการยกระดับข้อตกลงการค้าเสรีให้มีข้อบทเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
ขณะที่การนำสิ่งแวดล้อมมาเป็นเงื่อนไขหรือข้อกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศมีแนวโน้มมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว ทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น มาตรการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) คดีกุ้ง-เต่า ที่สหรัฐห้ามนำเข้ากุ้งจากไทย คดีแร่ “แรร์เอิร์ธ” ของจีนที่ห้ามส่งออก ซึ่งแร่ดังกล่าวเป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องโทรศัพท์
รวมถึงการต่อต้านการละเมิดสวัสดิภาพสัตว์ในการผลิตสินค้า เช่น การกรณีลิงเก็บมะพร้าว การกำหนดให้แสดงข้อมูลการตรวจสอบย้อนกลับสินค้า ดังนั้นผู้ประกอบการไทยควรต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับทิศทางของโลกทั้งการปรับตัวให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การมีธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงประเด็นด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม การจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้า ใช้โมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (BCG)