เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ เสด็จแทนพระองค์ ทรงวางพวงมาลาพระบรมราชานุสรณ์ ร.6
เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ เสด็จแทนพระองค์ ทรงวางพวงมาลาพระบรมราชานุสรณ์ ร.6 สวนลุมพินี เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต
วันนี้ (25 พ.ย. 64) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ทรงวางพวงมาลา ณ พระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สวนลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
เวลา 19.04 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินออกจากวชิราวุธวิทยาลัย เขตดุสิต ไปยังพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ สวนลุมพินี ทรงวางพวงมาลา เนื่องในวันพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งตรงกับวันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี
ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงวางพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพวงมาลาส่วนพระองค์ จากนั้นทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหาร ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกรุงเทพมหานคร และประชาชนร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ที่ 2 ประสูติแต่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชสมภพเมื่อวันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2423 ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 6 ในพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเฉลิมพระราชมณเฑียรเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สวรรคตเมื่อเวลา 01.45 น. ของวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน พระชนมพรรษาเป็นปีที่ 46 เสด็จดำรงสิริราชสมบัติ 15 พรรษา และทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาเมื่อสวรรคตแล้วว่า สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า
พระราชกรณียกิจที่สำคัญในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อาทิ มีพระราชดำรัสสั่งให้กระทรวงศึกษาธิการประกาศใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษา พ.ศ. 2464 ทั่วพระราชอาณาจักร โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองจำลองดุสิตธานี ขึ้นภายในพระราชวังดุสิต เป็นที่ทดลองการปกครองแผนใหม่ เพื่อให้ข้าราชการรู้จักการใช้สิทธิในการปกครองตนเอง การจัดทดลองการปกครองระบอบประชาธิปไตย โปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัตินามสกุลขึ้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2445 และประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 เพื่อให้คนไทยทุกคนใช้นามสกุล
ทรงเร่งก่อตั้งกองทัพสยามให้เป็นกองทัพสมัยใหม่ตามแบบยุโรปและทรงยกร่างพระราชบัญญัติเกณฑ์ทหาร พ.ศ. 2448 เพื่อเกณฑ์ชายฉกรรจ์เข้ารับราชการทหาร ทรงจัดตั้งกองเสือป่าขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2454 โดยมีจุดมุ่งหมายเกี่ยวกับการรักษาดินแดนของประเทศเป็นสำคัญ มีพระบรมราชาธิบายว่าเสือป่า นั้น คือทหารที่ท่านใช้ไปสืบข่าวข้าศึก และพระราชทานกำเนิดกิจการลูกเสือในประเทศไทย
โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ต่อมาพัฒนาเป็นวชิราวุธวิทยาลัย โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กขึ้นเป็นสถาบันอุดมศึกษา พระราชทานนามว่า โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้นได้ขยายกิจการให้กว้างขวางขึ้น ซึ่งต่อมาได้ยกระดับเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานโรงเรียนข้าราชการพลเรือนฯ ขึ้นเป็น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อีกทั้งมีพระราชดำริที่จะจัดสร้างโรงพยาบาลของสภากาชาดสยามขึ้น ต่อมาทรงจัดสร้างโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงพยาบาลสำหรับรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยในพื้นที่ตอนเหนือของกรุงเทพฯ โดยพระราชทานนามว่า วชิรพยาบาล
เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินมณฑลปักษ์ใต้ เมื่อ พ.ศ. 2460 โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้ในการก่อสร้างตึกวชิรพยาบาล โดยทรงเห็นว่าโรงพยาบาลสุขาภิบาลที่ภูเก็ตคับแคบและถูกน้ำท่วมเสมอ ควรสร้างโรงพยาบาลใหม่ให้ทันสมัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หาทำเลที่ตั้งโรงพยาบาลใหม่ และต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมโรงพยาบาลสุขาภิบาลเข้ากับโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เป็นต้น