พาณิชย์ จับตานอมินี พุ่งเป้า 3 กลุ่มธุรกิจ หลังเปิดประเทศ
“สินิตย์”สั่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ป้องกันนอมินี หลังเปิดประเทศ มีแนวโน้มคนต่างด้าวเข้ามาทำธุรกิจโดยใช้คนไทยถือหุ้นแทน พุ่งเป้า 3 กลุ่มธุรกิจ ท่องเที่ยว ค้าที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตร พร้อมโชว์ผลงานปี 64 ตรวจเจอ 145 ราย ส่งดีเอสไอสอบเชิงลึกแล้ว
นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ติดตามและตรวจสอบกรณีคนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) เพื่อสนับสนุนให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 อย่างเข้มงวด หลังจากที่รัฐบาลได้เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2564 ที่ผ่านมา ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลให้การประกอบธุรกิจมีการฟื้นตัว แต่อาจจะมีคนต่างด้าวฉวยโอกาสเข้ามาประกอบธุรกิจอย่างไม่ถูกต้องโดยใช้คนไทยเป็นนอมินี ทำให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจของคนไทย จึงต้องหาทางป้องกันและดำเนินการกับผู้ที่กระทำความผิดอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ ล่าสุดได้รับรายงานจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่า ในปีงบประมาณ 2565 จะมีการกำกับดูแลและตรวจสอบธุรกิจที่มีลักษณะนอมินีอย่างต่อเนื่อง โดยเน้น 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องกับท่องเที่ยว 2.ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ การถือครองอสังหาริมทรัพย์ และ 3.กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการเกษตร (ล้ง) ซึ่งนอกจากมีการตรวจสอบการกระทำผิดกฎหมายแล้ว ยังมีการส่งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องปรามมิให้คนไทยกระทำผิดหรือตกเป็นเครื่องมือของชาวต่างชาติด้วย
โดยมาตรการที่จะนำมาใช้ในการตรวจสอบ กรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีแนวทางการป้องปรามธุรกิจที่มีลักษณะนอมินีตั้งแต่ก่อนจดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคล โดยกำหนดให้ส่งเอกสารที่ธนาคารออกให้เพื่อรับรองหรือแสดงฐานะการเงินของผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นคนไทยที่ลงทุนหรือถือหุ้นในนิติบุคคลร่วมกับคนต่างด้าว เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือว่าคนไทยที่ร่วมลงทุนมีฐานะทางการเงินที่สามารถลงทุนเองได้ เพราะบางคนทำงานเงินเดือนไม่กี่บาท แต่ถือหุ้นมูลค่าสูงหลาย 10 ล้านบาท และภายหลังจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว จะจัดทำข้อมูลนิติบุคคลกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะที่คนต่างชาติถือหุ้น 49 ต่อ 51 หรือบริษัทที่มีกรรมการผู้มีอำนาจเป็นคนต่างด้าวทั้งหมด และกำหนดเป็นแผนงานโครงการประจำปีเพื่อดำเนินการตรวจสอบเชิงลึกต่อไป ซึ่งบางกรณีอาจมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรด้วย
“ขอเตือนคนไทย ที่คิดจะทำผิด หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด โดยยอมรับผลประโยชน์ หรือสมยอม หรือเป็นที่ปรึกษากฎหมายแนะนำให้หลีกเลี่ยงกฎหมาย เพื่อให้คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจโดยเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด เพราะปัญหานอมินี เป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศ และกระทบต่อการประกอบธุรกิจของคนไทย ซึ่งหากจับได้ จะเล่นงานตามกฎหมายเด็ดขาด มีอัตราโทษสูง จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน”นายธีระชาติกล่าว
นายธีระชาติ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินการในปี 2564 ได้ตรวจสอบนิติบุคคลไทยที่มีคนต่างด้าวร่วมถือหุ้นที่อาจมีลักษณะนอมินี ใน 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องกับท่องเที่ยว 2.ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ การถือครองอสังหาริมทรัพย์ และ 3.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร ซึ่งผลการตรวจสอบพบนิติบุคคลที่อาจกระทำผิดในลักษณะนอมินี ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่ และสุราษฎร์ธานี จำนวนรวม 145 ราย ประกอบด้วย ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องกับท่องเที่ยว 45 ราย ธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 90 ราย ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ท 2 ราย และธุรกิจบริการอื่น 8 ราย โดยได้ประสานข้อมูลให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ทำการสืบสวนสอบสวนในเชิงลึก และหากเข้าข่ายการกระทำความผิดนอมินีก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2561-2563 กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษนิติบุคคลที่กระทำความผิดในลักษณะนอมินี แล้ว 14 ราย ส่วนใหญ่เป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับธุรกิจค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจนำเที่ยว