จับตาเชื้อ "โควิดสายพันธุ์ใหม่" โอไมครอน ทำให้ประสิทธิภาพวัคซีนลดลง 40%
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา (หมอธีระวัฒน์) ระบุ "โควิดสายพันธุ์ใหม่" โอไมครอน (Omicron) ซึ่งอาจจะทำให้ประสิทธิภาพของ "วัคซีนโควิด" ลดลงถึง 40% ชี้มีความสามารถในการต่อต้านวัคซีนและแพร่ระบาดได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นๆที่เคยมีมาก่อน
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา (หมอธีระวัฒน์) ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึง "โควิดสายพันธุ์ใหม่" โอไมครอน (Omicron) ซึ่งอาจจะทำให้ประสิทธิภาพของ "วัคซีนโควิด" ลดลงถึง 40%
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- WHO ตั้งชื่อโควิดสายพันธุ์ใหม่ "โอไมครอน"
- WTO เลื่อนประชุมหนีโควิด-19สายพันธุ์ใหม่ระบาด
- ด่วน ยอด โควิด-19 วันนี้ ติดเชื้อเพิ่ม 6,073 ราย ตาย 32 ราย ATK อีก 4,260 ราย
โดย หมอธีระวัฒน์ ได้อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างประเทศเจ้าดังอย่าง dailymail พูดถึงเชื้อ "โควิดสายพันธุ์ใหม่" โอไมครอน (Omicron) บอกว่า กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ได้ส่งสัญญาณเตือนถึงสุดยอดไวรัสโคโรน่ากลายพันธุ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมาที่จะทำให้ "วัคซีน" ทั้งหลายนั้นมีประสิทธิภาพน้อยลง 40 %
พวกเขาได้ส่งสัญญาณความกังวลที่เพิ่มขึ้นจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่มีต้นกำเนิดในแอฟริกาใต้ซึ่งงานนี้ทำให้อังกฤษและอิสราเอลได้สั่งการให้หยุดการเดินทางที่มาจากภูมิภาคแอฟริกาใต้แต่บรรดาผู้โดยสารนั้นยังคงเดินทางไปยังอเมริกาอยู่
สายพันธุ์ดังกล่าวถูกเชื่อว่ามีต้นกำเนิดใน Botswana ซึ่งเป็นสถานที่ๆไม่มีเที่ยวบินไปยังอเมริกาโดยตรง
จีนเองก็ได้รายงานว่าได้พบเคสติดเชื้อสายพันธุ์ดักล่าวจากผู้โดยสารที่เดินทางไปฮ่องกงซึ่งได้เดินทางมาจากแอฟริกาใต้และงานนี้ได้ทำให้ผู้ที่อยู่ในโรงแรมเดียวกันได้ติดเชื้อไปด้วย
Dr Eric Feigl-Ding นักระบาดวิทยาและคนของสมาพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกันได้กล่าวว่า
*ข้อมูลเบื้องต้นที่ได้มาจากสายพันธุ์ดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่น่ากังวลและควรจะมีคำสั่งให้ปิดชายแดน
*ดูเหมือนว่า ความสามารถในการหลบหลีกวัคซีนของสายพันธุ์นี้จะเป็นของจริงโดยคนไข้ 2 รายที่ติดไวรัสตัวนี้ในฮ่องกงนั้นทั้งคู่ได้ฉีดวัคซีน 2 เข็มของ Pfizer ไปแล้ว
*มันเป็นไวรัสที่แพร่ทางอากาศ แขกในโรงแรมนั้นอศัยอยู่คนละห้องและจากการเก็บตัวอย่างด้านสภาพแวดล้อมได้ตรวจพบไวรัส 25 ครั้งจากการซุ่มตัวอย่างทั้งหมด 87 ครั้งในห้องพักของลูกค้าทั้ง 2 ราย
สายพันธุ์ดังกล่าวนั้นจะถูกตั้งชื่อว่า NU โดย WHO ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าโดยมันมีคุณสมบัติดังนี้
- ทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพน้อยลง 40 %
- มีการกลายพันธุ์เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากกว่า 30 ครั้งในสายพันธุ์ NU ซึ่งมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆที่เคยมีมาและมากกว่า Delta ถึง 2 เท่า ซึ่งสามารถสรุปได้ว่า มันมีความสามารถในการต่อต้านวัคซีนและแพร่ระบาดได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นๆที่เคยมีมาก่อน