“บล.กสิกรไทย” คาดสื่อสารแข่งราคาน้อยลง หลัง TRUE ผนึก DTAC
"บล.กสิกรไทย" ประเมินภาพหลัง TRUE-DTAC ควบรวม เชื่อระยะสั้นธุรกิจสื่อสารยังไม่ปรับเพิ่มราคาให้บริการ แต่ระยะยาวคาดว่าการแข่งขันด้านราคาจะลดลงเหลือปีละ 1-2% จากเดิม 3-4%
นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ของ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และกลุ่มเทเลนอร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) หลังจากนี้ เชื่อว่าทรูจะขยายการลงทุนไปธุรกิจอื่น เพื่อเพิ่มมูลค่าธุรกิจตามที่ผู้บริหารแสดงวิสัยทัศน์ไว้ เพราะมองว่าธุรกิจโทรคมนาคมกลายเป็น “ท่อที่ไม่พัฒนา” หรือ Dumb Pipe หากไม่ปรับตัว
ส่วนกลุ่มเทเลนอร์ที่เหลือสัดส่วนถือหุ้นในบริษัทร่วมทุน (Mergeco) 33% จากเดิมถือในดีแทค 65% คาดว่าจะนำเงินลงทุนที่ลดลงครึ่งหนึ่งไปใช้ลงทุนด้านอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น และคาดว่าการถือหุ้นใน “ซิทริน โกลบอล” ร่วมกับกลุ่มซีพีจะทำให้บริษัทยังดำเนินธุรกิจโทรคมนาคมในไทยต่อเนื่อง ยกเว้นในกรณีขายหุ้นให้กลุ่มผู้ถือหุ้นรายอื่น อาทิ กลุ่มไชน่า โมบายล์
ส่วนอีกประเด็นสำคัญที่ตั้งข้อสังเกต คือ หลังการควบรวมคาดว่า ระยะสั้นยังไม่เห็นการปรับเพิ่มราคา เพราะคาดว่า เอไอเอส คู่แข่งจะยังปรับลดราคาเพื่อเป็นกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้า โดยข้อมูลทางการตลาดเบื้องต้น พบว่าลูกค้าดีแทคต้องการย้ายค่ายราว 20%
แต่ระยะยาวหลังจบกระบวนการควบรวมคาดว่าจะเกิดดุลยภาพการแข่งขันด้านราคา โดยคาดว่าการแข่งขันด้านราคาที่เดิมเฉลี่ยปีละ 3-4% จะลดเหลือปีละ 1-2% ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคเสียประโยชน์ แต่เชื่อว่าหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง กสทช.จะช่วยผู้บริโภคได้ผ่านการปรับลดต้นทุนค่าบริการ อาทิ ต้นทุนค่าโทรศัพท์ และต้นทุนค่าใช้บริการข้อมูล
สำหรับการลงทุน แม้ระยะสั้นราคาหุ้น TRUE และ DTAC จะขึ้นใกล้เต็มมูลค่า หรือปรับขึ้นใกล้ราคาเทนเดอร์ที่ 47.76 และ 5.09 บาทต่อหุ้น ตามลำดับ แต่การลงทุนระยะยาวยังถือหรือซื้อลงทุนได้ เพราะราคาปัจจุบันต่ำกว่าช่วงก่อนประมูลคลื่น 4จี ที่ส่งผลให้เกิดการแข่งขันรุนแรงในอุตสาหกรรม โดยคาดว่าการประมูลคลื่นระยะข้างหน้าจะทำให้การแข่งขันราคาลดลง ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนธุรกิจลดลง ผลักดันราคาหุ้นฟื้นตัว