ไกด์ไลน์ เครดิตเทอม เริ่มใช้วันนี้แล้ว ช่วยสภาพคล่องเอสเอ็มอี
กขค.เริ่มบังคับใช้ “เครดิตเทอม” 30 - 45 วัน พร้อมกัน 16 ธ.ค.นี้เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องและลดความเหลื่อมล้ำให้เอสเอ็มอี พร้อมจับตาผู้ประกอบการมีพฤติกรรมส่อทำผิดแนวทางปฏิบัติเครดิตเทอม โดนโทษปรับทางปกครอง
นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า( กขค.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี (SMEs) ในประเทศไทย ขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างมาก ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากสถานการณ์โควิด – 19 และการกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้าหรือเครดิตเทอม (Credit Term) ที่ยาวนานเกินไป ทั้งนี้ จากการศึกษาข้อมูล พบว่าที่ผ่านมา มีระยะเวลาการให้สินเชื่อเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 60 วัน และในบางธุรกิจ 90 -120 วัน และมีแนวโน้มที่จะขยายระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้าที่ยาวนานขึ้น จากข้อเท็จจริงดังกล่าวคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) จึงได้ออกประกาศ เรื่อง “แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรมเกี่ยวกับระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) กรณีผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็นผู้ขายสินค้าหรือบริการ” ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักในการช่วยแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องของผู้ประกอบธุรกิจ SMEs
โดยประกาศดังกล่าวได้มีผลบังคับใช้แล้ววันที่ 16 ธ.ค.2564 นี้ กรณีที่เป็นสินค้าหรือบริการทั่วไป ระยะเวลาไม่เกิน 45 วัน กรณีที่เป็นสินค้าเกษตร หรือผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน เว้นเเต่กรณีที่มีการตกลงระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้าที่น้อยกว่าอยู่ก่อนแล้ว หรือมีเหตุผลอันสมควรที่สามารถรับฟังได้ทางธุรกิจ การตลาด หรือเศรษฐศาสตร์ ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจ SMEs จะต้องแสดงเอกสารหลักฐานจำนวนการจ้างงานหรือรายได้ เพื่อยืนยันสถานะการเป็นผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งเป็นคู่ค้า
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สำนักงานฯ ยังจะมีการตรวจสอบและติดตามพฤติกรรมของผู้ประกอบธุรกิจที่อาจเข้าข่ายเป็นลักษณะการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมในกรณีเกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) ซึ่งจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 คือ
1. การประวิงเวลาจ่ายค่าสินค้า หรือบริการเกินกว่าระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) ที่กำหนดโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร โดยเมื่อถึงกำหนดระยะเวลาที่ต้องชำระเงินแล้ว ผู้ซื้อประวิงเวลาไม่ยอมชำระหนี้โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
2. การเปลี่ยนแปลงระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) หรือเงื่อนไขอื่นภายใต้สัญญาโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรหรือไม่มีการแจ้งล่วงหน้าเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 60 วัน
3. พฤติกรรมในลักษณะอื่น ๆ อันเป็นการบังคับโดยผู้ประกอบธุรกิจรายใดซึ่งเป็นคู่ค้ากับ SMEs อย่างไม่เป็นธรรม เนื่องจากผู้ประกอบธุรกิจซึ่งเป็นคู่ค้าของ SMEs อาจมีอำนาจต่อรองที่เหนือกว่าจึงอาจกำหนดเงื่อนไขพิเศษเพิ่มเติมได้ เช่น การกำหนดเงื่อนไขพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อการค้า ซึ่งอาจเป็นการสร้างภาระอันไม่จำเป็นแก่คู่สัญญาหรือต้องเสียเปรียบอย่างมากในข้อตกลงอื่น ๆ
“ประกาศฯ ฉบับนี้จะมีผลทำให้ SMEs ได้รับเงินหมุนเวียนเร็วขึ้นและมีสภาพคล่องทางการเงินที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งลดปัญหาหนี้สินและภาระดอกเบี้ยจากการกู้ยืมจากสาบันการเงิน ทำให้ต้นทุนลดลงและเป็นการสร้างมาตรฐานระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้าที่เป็นธรรมแก่ผู้ประกอบธุรกิจทุกประเภท ซึ่งเป็นอีกกลไกหนึ่งในการช่วยลดความเหลื่อมล้ำของ SMEs กับธุรกิจขนาดใหญ่ นำไปสู่โอกาสการพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืน อันเป็นผลดีต่อการแข่งขันทางการค้าและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศต่อไป “
หากผู้ประกอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศฯ อาจเข้าข่ายมีพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม อันเป็นความผิดตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ซึ่งจะมีโทษปรับทางปกครองในอัตราไม่เกิน 10 % ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องสามารถศึกษารายละเอียดคำอธิบายประกาศฯ เพิ่มเติมผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.otcc.or.th และหากผู้ประกอบธุรกิจรายใดที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สขค.) หรือทางหมายเลขโทรศัพท์ 02-199-5444