"สมช."จ่อชง "ศบค." ยกระดับมาตรการคุมเข้ม "โอมิครอน" ย้ำ ผับ-บาร์ ห้ามเปิด
"เลขาฯสมช." จ่อชง ข้อเสนอ "สธ." ต่อ ศปก.ศบค. เข้มมาตรการเข้าประเทศกัน "โอมิครอน" ย้ำ ห้ามเปิดสถานบันเทิง เว้น ร้านอาหาร สั่ง จับตา ผู้แสวงบุญ จากซาอุฯ
พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. กล่าวถึงมาตราการช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่า มาตราการในช่วงปีใหม่ได้ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมุ่งเน้นไปที่การรวมตัวกันของคนจำนวนมาก และมีกิจกรรมการเคาท์ดาวน์ ซึ่งทางศบค.และ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรทว.กลาโหม มีความเป็นห่วงและมีการกำหนดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนว่ าหากมีการรวมตัวกันเกินกว่า 1,000 คน แล้วจะมีมาตรการอะไรบ้าง หรือต่ำกว่า1,000 คน จะมีมาตรการอะไรบ้าง แต่มาตรการที่สำคัญ คือการป้องกันตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งถือว่ามีความจำเป็นสูงสุด รวมไปถึงการรักษาระยะห่างและตรวจการรับวัคซีนว่าครบ2 เข็มหรือไม่ และการตรวจATK ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุขไปแล้วว่า ให้ใช้มาตรการเชิงรุกและนำ ATK มาเป็นเครื่องมือเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด
ส่วนกรณีการเดินทางกลับภูมิลำเนาจะต้องตรวจหาเชื้อก่อนหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ ระบุว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แต่ละพื้นที่ ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้กำหนดความเข้มข้นของมาตรการ ส่วนข้อจำกัด ความแออัด ระหว่างการเดินทางของรถโดยสารสาธาณะทางกระทรวงคมนาคมได้มีมาตรการออกไปแล้วเมื่อสัปดหา์ที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นที่ยอมรับของศบค. แต่หากสถานการณ์แย่ไปกว่านี้ก็จะต้องออกมาตรการเพิ่มเติม
ขณะที่การเตรียมเปิดสถานบันเทิงเพื่อจำหน่าย เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศการปีใหม่พล.อ.สุพจน์ ระบุว่า ตนขอยืนยันว่าสถานบันเทิงยังไม่อนุญาตให้เปิด ที่อนุญาตให้เปิดในปัจจุบันเป็นสถานบริการที่จดทะเบียนประกอบการจำหน่ายอาหาร ซึ่งมีการอนุญาตให้แสดงดนตรีในจำนวนที่จำกัด เพียงแต่ช่วงปีใหม่เฉพาะคืนวันที่ 31 ธ.ค.64 อนุญาตให้จำหน่ายสุราได้ถึงเวลา 01.00 น. ของวันใหม่ และข้อมูลทุกจังหวัดก็พยายามผ่อนคลายมาตรการให้กับประชาชนให้ได้ฉลองในช่วงปีใหม่ ซึ่งจากที่ดูมาตรการส่วนใหญ่มีการอนุญาตให้จำหน่ายแอลกอฮอล์ได้ถึงเวลาร้านปิด แต่ที่เหลือเป็นไปตามมาตการ ส่วนการจัดงานคอรเสิร์ตหากพบว่ามีปัญหาทางจังหวัดจะต้องมีมาตรการเข้มมากขึ้น หากไม่เป็นไปตามที่กำหนดก็ต้องมีการยกเลิก
ด้านผู้ติดเชื้อโควิด-19สายพันธุ์โอมิครอนที่พบจำนวนมากขึ้นหลังจากการเดินทางไปแสวงบุญที่นครเมกะ พล.อ.สุพจน์ ระบุว่า นายกฯ ได้สั่งการให้จับตามาเป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้ว แต่ใน 2 วันที่ผ่านมาพบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีการประชุมมาอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ตนจะนำข้อเสนอกระทรวงสาธารณสุขมาพิจารณาในที่ประชุมศปก.ศบค. (ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงสาธารณสุขได้มีการให้ข่าวว่าจะมีการเสนอยกเลิก Test and Go) ซึ่งจะเป็นมาตรการที่เข้มข้นขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งเรื่องการเดินทางเข้าและออกประเทศที่มีความเสี่ยงมาก เช่น การกำหนดประเทศ ขั้นตอนการตรวจเชื้อต้องมีความละเอียดรอบคอบและเคร่งครัดมากขึ้น ขณะเดียวกันจะมีการพิจาณาใน 3 แนวทาง คือ พิจารณาประเทศที่มีความเสี่ยงมากโดยหากพบว่าเปอร์เซนต์การติดเชื้อและการควบคุมที่อาจก่ออันตรายต่อประชาชนของประเทศไทยอาจจะต้องยกเลิกทั้งหมดก็ได้ พร้อมกับระบุว่า ขณะนี้กำลังพิจาณาประเทผสที่มีการแพร่ระบาดของโอมิครอนจำนวนมาก ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่ประเทศอังกฤษ แต่มีอีกหลายประเทศที่ค่อนข้างอันตรายจึงต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น
ขณะที่สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมาร์ ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก หลังมีการประทะทำให้เกิดการทะลักเข้าเมืองจำนวนมาก พล.อ.สุพจน์ ระบุว่า สถานการณ์ใรพื้นที่ยังมีการสู้รบที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง และมีผู้ที่หลบหนีการสู้รบเข้าประเทศจำนวนหลักพัน เท่าที่ได้รับรายงานประมาณ 2 พันเศษ แต่ก็มีบางพื้นที่สามารถส่งกลับไปได้บ้างแล้ว หากพื้นที่ใดมีความพร้อมก็จะส่งกลับไปยังพื้นที่ปลอดภัย ส่วนพื้นที่มีปัญหาก็รับมาตามหน้าที่เนื่องจากมีระบบการดูแลอยู่แล้ว และก่อนหน้านี้ได้มีการเตรียมการมาเป็นเดือนแล้ว และช่วงนี้ก็มีการสู้รบมีรุนแรงอยู่เป็นประจำ ซึ่งผู้ที่ลี้ภัยเข้าประเทศจะค้องผ่านการคัดกรองของกองทัพเข้าไปควบคุม โดยยอมรับว่ามีผู้ลี้ภัยส่วนหนึ่งติดเชื้อโควิด-19และเข้ารับการรักษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนการดูแลชีวิตประจำวันก็มีการจัดที่พัก ดูแลอาหารและความเป็นอยู่ตามแนวทางที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งปัจจุบันกองทัพได้ดูแลเป็นที่เรียบร้อยทางจังหวัดก็ระดมไปดูแล โดยพลเอกสุพจน์ ได้ย้ำในช่วงท้ายว่าหากสถานการณ์เข้าสู่ปกติจะต้องมีการผลักดันผู้ลี้ภัยกลับเมือง