โอมิครอนกดหุ้นไทยโค้งท้าย ‘ไซด์เวย์’ โบรกเชื่อไม่หลุด 1,600 จุด
หุ้นไทยร่วงเฉียด 26 จุด หลังไทยพบติดเชื้อโควิดโอมิครอนรวดเดียว 63 ราย “บล.ทิสโก้” เผยแผนเปิดประเทศเสี่ยงสะดุด-นักท่องเที่ยวพลาดเป้า “บล.หยวนต้า” คาดกดดันหุ้นไทยโค้งท้ายแกว่งไซด์เวย์ “บล.เมย์แบงก์” คาดดัชนีปรับฐานระยะสั้น คาดปี 65 กลับมาฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ
ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20 ธ.ค.) ปิดที่ 1,615.80 จุด ลดลง 25.93 จุด หรือ 1.58% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 82,357.88 ล้านบาท โดยดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ก่อนทำจุดต่ำสุดในตลาดภาคบ่ายที่ 1,612.96 จุด ลดลง 28.77 จุด หรือ 1.75%
ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 2,965.51 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 154.45 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 2,905.48 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยในประเทศซื้อสุทธิ 5,716.54 ล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยต่างประเทศการแพร่ระบาดเริ่มทวีความรุนแรงและนำไปสู่มาตรการล็อกดาวน์ ส่วนในประเทศมีความเสี่ยงแผนเปิดประเทศอาจสะดุดลงจากโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ภายหลังพบผู้ติดเชื้อในประเทศวานนี้ 63 ราย
ด้านศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) หรือ ศบค.ชุดเล็ก เสนอยกเลิกโปรแกรม Test & Go ซึ่งไม่ต้องกักตัว หากยกเลิกคาดว่าจะเป็นความเสี่ยงขาลง (ดาวไซด์) ต่อประมาณการนักท่องเที่ยวปี 2564
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่เหลือนี้ (21-24 ธ.ค.) ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี (30 ธ.ค.) คาดว่าดัชนีจะยังไม่หลุดแนวรับ 1,600 จุด แต่การลงทุนยังแนะนำขายหุ้นเมื่อราคาปรับขึ้น เพราะต้นปี 2565 ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น ทั้งแรงขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ความเสี่ยงล็อกดาวน์ประเทศ ฯลฯ
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า การปรับลงของตลาดหุ้นไทยเป็นผลจากความกังวลโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเป็นหลัก ภายหลังเนเธอร์แลนด์ประกาศล็อกดาวน์ ส่วนประเทศอื่นในภูมิภาคยุโรปประกาศให้ประชาชนชะลอการเดินทางช่วงคริสต์มาส ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขขอประชาชนชะลอการเดินทางไปต่างประเทศ รวมถึงพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด
อย่างไรก็ดี คาดว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้จะแกว่งตัวออกข้าง (ไซด์เวย์) และคาดว่าจะไม่ขึ้นหรือลงต่อเนื่องอย่างชัดเจน แม้ถูกกดดันจากโควิด-19 แต่มีความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งเป็นปัจจัยบวกเฉพาะหุ้นบางกลุ่มเท่านั้น จึงให้กรอบแนวรับที่ 1,600-1,610 จุด และกรอบแนวต้าน 1,640-1,650 จุด
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในต่างประเทศที่กลับมาระบาดรุนแรง และนำไปสู่การล็อกดาวน์ในบางประเทศ ส่วนในประเทศถูกกดดันจากความกังวลภาษีขายหุ้น 0.1% ซึ่งจะกระทบต่อปริมาณการซื้อขายและเป็นการเพิ่มต้นทุนแก่ผู้ลงทุน 1,000 บาทต่อธุรกรรม 1 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตลาดหุ้นปรับฐานตอบรับปัจจัยลบระยะสั้นเท่านั้นขณะที่ระยะยาวยังมีโอกาสกลับมายืนในแดนบวก จากแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2565 ที่ยังมีโอกาสฟื้นตัว จึงแนะนำแบ่งไม้ซื้อหุ้นในช่วงที่ดัชนีถูกกระทบจากโควิด-19 โดยประเมินกรอบดัชนีในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายจะแกว่งตัวในกรอบ 1,600-1,650 จุด