สาวฉีดโบท็อกซ์คลินิก "พิมรี่พาย" แล้วหนังตาตก ร้องทนายเรียกค่าเสียหาย
น.ส.พลอย (นามสมมุติ) เดินทางเข้าพบ ทนายรัชพล ศิริสาคร หลังจากที่เดินทางไปฉีดโบท็อกซ์ที่ อิสคิวท์ คลินิกเวชกรรม สาขาห้วยขวาง ของ "พิมรี่พาย" จนต่อมาเกิดอาการหนังตาข้างขวาตก ผิวหน้ามีอาการแสบร้อนและคัน
เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (23 ธ.ค.2564) น.ส.พลอย (นามสมมุติ) เดินทางเข้าพบ ทนายรัชพล ศิริสาคร เพื่อปรึกษาคดีพร้อมหลักฐานผลการตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลหลังจากที่เดินทางไปฉีดโบท็อกซ์ที่ อิสคิวท์ คลินิกเวชกรรม สาขาห้วยขวาง ของ "พิมรี่พาย" แม่ค้าออนไลน์คนดัง จนต่อมาเกิดอาการหนังตาข้างขวาตก ผิวหน้ามีอาการแสบร้อนและคัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิด "กล่องสุ่มพิมรี่พาย" มีอะไรบ้าง ใครผิดหวัง ใครสมหวัง โซเชียลเสียงแตก
- ปมร้อน "พิมรี่พาย" กัลเดอร์มา ไม่เคยขายผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ให้ อิสคิวท์คลินิก
- รายได้ 175 ล้าน! ขุมข่าย 8 บริษัท “พิมรี่พาย” ก่อนกระแส “กล่องสุ่ม” หลักแสน
โดยแพทย์จากศิริราช ระบุว่า เกิดภาวะหนังตาตกจากการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งในกรณีนี้อาจจะใช้เวลารักษานาน 6-12 เดือนและอาจจะไม่สามารถรักษากลับมาให้หายเป็นปกติได้ ซึ่งหลังได้รับผลกระทบทางผู้เสียหายได้ทำการยื่นข้อเรียกร้องเกี่ยวกับค่ารักษาและเยียวยาชดเชยแล้ว แต่ทางคนดูแลคลินิกไม่สามารถตกลงเจรจาความรับผิดชอบให้ได้ จึงเดินทางมาปรึกษาทนายรัชพลพร้อมแต่งตั้งเป็นทนายความเรียกร้องเงินค่ารักษาและเยียวยาจนกว่าจะหายเป็นปกติ
โดย น.ส.พลอย (นามสมมุติ) เปิดเผยว่า ได้จองคิวโปรฯเสริมความงามจาก เฟซบุ๊กชื่อ พิมรี่พายขายทุกอย่าง ที่ทำการโฆษณาโปรโมชั่นเสริมความงามของสถานพยาบาล ชื่ออิสคิวท์ คลินิก โดยได้จองโปรสวยในราคา 5,000 บาทและโปร VIT 500 โดยมีการโอนเงินมัดจำไปโปรละ 500 บาท
จากนั้น ในวันที่ 12 ธ.ค.2564 ได้เดินทางจากต่างจังหวัดมาเข้ารับบริการที่สาขาห้วยขวาง โดยแพทย์ของทางคลินิกซึ่งเป็นแพทย์ตัวจริงได้ทำการฉีดโบท็อกซ์ ที่บริเวณหน้าผากและบริเวณรอบหน้าและฉีดผิวใสที่บริเวณแก้มให้กับตนจนครบโปรแกรม หลังจากนั้นวันต่อมาเริ่มมีอาการหนังตาตกเล็กน้อย บริเวณใบหน้ามีอาการแพ้คันและแสบร้อนตามมา กระทั่งวันที่ 16 ธ.ค.2564 อาการหนังตาเริ่มตกหนักขึ้นจนเริ่มมองเห็นไม่ชัด จึงได้แจ้งไปยังคลินิกซึ่งมีแอดมินของคลินิกได้แจ้งให้ตนกลับมาดูอาการที่คลินิกอีกครั้ง
ในวันที่ 17 ธ.ค.ตนเดินทางไปที่คลินิกที่สาขาชินเขต ได้รับยาหยอดตาพร้อมคำแนะนำให้ประคบอุ่นว่าจะทำให้อาการดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ จึงได้ร้องขอให้คลินิกทำบันทึกข้อตกลงในการรับผิดชอบต่อการรักษา
น.ส.พลอย กล่าวอีกว่า ด้วยความกังวลใจจากหลังตาที่ตกลงมามากและมองเห็นไม่ชัดเจน ในวันที่ 20 ธ.ค.จึงได้เดินทางเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช โดยแพทย์ได้ระบุว่ามีสภาวะหนังตาตกจากการฉีดโบท็อกซ์ ทำให้ตนเริ่มไม่มั่นใจในการรักษาของคลินิกดังกล่าว และต้องการให้คลินิกรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจนกว่าจะสามารถรักษาให้หายเป็นปกติและตนยังต้องการให้ทางคลีนิกเยียวยาชดเชยจากการขาดรายได้จากการไลฟ์สดขายเสื้อผ้าออนไลน์ซึ่งเป็นรายได้หลัก เพราะหลังเกิดสภาพหนังตาตกจนทำให้ดวงตาไม่เท่ากัน ทำให้ตนเองไม่สามารถประกอบอาชีพขายเสื้อผ้าออนไลน์ต่อไป ส่งผลให้ตนซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและเป็นคนดูแลแม่กับคนงานอีกหลายคนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
น.ส.พลอย กล่าวต่อว่า ผลกระทบที่ได้รับจากการไปฉีดโบท็อกซ์ที่คลินิกแห่งนี้มาคือหนังตาข้างขวาตกลงมาครึ่งตาดำ มองไม่ชัด สายตามัว ไม่สู้แสง ทุกวันนี้ไม่สามารถขับรถเองได้ เนื่องจากต้องใช้ตาข้างซ้ายในการเพ่งมองมากขึ้นทำให้ในช่วงเย็นตาข้างซ้ายจะเกิดอาการอ่อนแรงและตาข้างขวาที่ตก มีอาการตกลงมามากขึ้น
เธอพูดทั้งน้ำตาว่า พยายามปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้ลูกๆรู้ด้วยการใส่แว่นตาปกปิด แต่ก็มาพลาดถอดแว่นตาออกจนลูกมาเห็นเข้า ทำให้เขาร้องไห้เสียใจออกมาด้วยความกังวลว่าตนจะตาบอด ก็ได้แต่ปลอบลูกไปว่าเดี๋ยวก็รักษาหายไม่ต้องกังวลทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าจะรักษาอาการนี้ให้หายเป็นปกติได้เมื่อไหร่
เมื่อเห็นลูกสาวร้องไห้เพราะเป็นห่วงตน ตนก็เป็นห่วงสภาพจิตใจลูกเช่นกัน และสาเหตุที่ตนเลือกมาทำกับคลินิกแห่งนี้เพราะชื่อเสียงของ พิมรี่พาย ที่ตนชื่นชอบในตัวพิมรี่พายเป็นทุนอยู่แล้ว จึงตัดสินใจไปทำเพราะมั่นใจในตัวพิมรี่พายซึ่งเป็นแม่ค้าขายของออนไลน์เหมือนกัน
ตนจึงยังไม่ได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเพราะต้องการให้ทางคลินิกออกมารับผิดชอบให้ แต่เรื่องก็เงียบไปมีการตกลงพูดคุยเฉพาะค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น ส่วนเรื่องเงินเยียวยาชดเชยที่ตนเสนอไปก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆที่แน่ชัดกลับมา ซึ่งตนเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันทางพิมรี่พายรับรู้เคสของตนเองหรือไม่ หรือเรื่องของตนไปติดค้างอยู่กับทีมงานรอบตัวจนเรื่องไปไม่ถึงตัวของพิมรี่พายแม้จะผ่านมาหลายวันแล้ว ทำให้ในวันนี้ตนเองจึงตัดสินใจเดินทางมาพบทนายรัชพลเพื่อขอให้ช่วยทำคดีเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเอง
ทางด้านทนายรัชพล ศิริสาคร กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารของผู้เสียหายพบว่า มีการทำสัญญาค่ารักษาพยาบาลไว้ 1 ฉบับแต่เป็นเอกสารที่ไม่สมบูรณ์เนื่องจากทางแพทย์ของคลินิกไม่ได้เซ็นลงชื่อไว้เอกสารฉบับนี้จึงไม่มีผลผูกมัดใดๆ และตัวผู้เสียหายเองก็ยังไม่ได้เดินทางไปลงบันทึกแจ้งความไว้เป็นหลักฐานด้วย
ซึ่งอาจจะทำให้เสียเปรียบในการเรียกร้องสิทธิ์การรักษาและค่าเยียวยาชดเชยจากรายได้ที่หายไป ซึ่งเมื่อตนได้รับเข้ามาดูแลคดีให้กับผู้เสียหายแล้ว ตนก็พร้อมจะเดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้เสียหายต่อไป โดยเตรียมจะพาผู้เสียหายเดินทางไปเข้าแจ้งความในพื้นที่เกิดเหตุต่อไป และแพทย์ของทางคลินิกมีความผิดทางอาญาในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจและถ้าอาการสาหัสก็จะมีโทษจำคุก 3 ปีและปรับ 60,000 บาท
ทนายรัชพล กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะมีการหารือกับผู้เสียหายว่าจะมีการเรียกร้องการเยียวยาอย่างไรบ้าง ส่วนเรื่องการแจ้งความดำเนินคดีนั้นจะนัดวันอีกครั้ง ตนอยากฝากไปถึงทางคลินิกหรือเจ้าของกิจการว่า อยากให้มาเจรจากับผู้เสียหายเพราะจากที่ดูใบหน้าของผู้เสียหายนั้นไม่แน่ใจว่าจะกลับมาเหมือนเดิมได้หรือไม่ การเยียวยาจึงต้องได้รับความเป็นธรรมและเหมาะสม
เพราะถ้าหน้าของผู้เสียหายไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ก็จะเกิดผลกระทบในชีวิตตามมาอีก ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ประกอบกับผู้เสียหายป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอยู่ก่อนแล้ว หากทางพิมรี่พายจะนัดไกล่เกลี่ยเจรจาให้กับผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบ ขอให้ติดต่อผ่านทางตนมาได้เลย ตนพร้อมยินดีที่จะเจรจาหาทางออกเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนจิตใจของผู้เสียหายที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าที่ต้องทำงานขายเสื้อผ้าออนไลน์เลี้ยงดูครอบครัวเหมือนกัน