10 อันดับ เหรียญคริปโทฯ ราคาพุ่งแรงรับคริสต์มาส
"ราคาบิทคอยน์" กลับมาพุ่งแรงเหนือระดับ 51,000 ดอลลาร์อีกครั้งรับคริสต์มาส จับตาปีใหม่65 จะทะยานเหมือนปีก่อนหรือไม่ ขณะที่จำนวนกระเป๋าเงิน ADA พุ่ง หนุนขึ้นสกุลใหญ่อันดับ 6 ส่วนเหรียญ FTM พุ่งสูงสุด 12.35% ที่ 70 บาท ขณะที่เหรียญเบอร์หนึ่ง BTC ลดลง 0.02%อยู่ที่ 1.69 ล้าน
วานนี้ (24ธ.ค.) ราคาของบิทคอยน์ (Bitcoin) ทะลุเหนือแนวต้านสำคัญที่ระดับ51,000 ดอลลาร์ หรือ 1.69 ล้านบาท ได้เป็นครั้งแรกในรอบ3สัปดาห์ ดูเหมือนว่า ในวงการคริปโทเคอเรนซีทั้งในต่างประเทศและไทย เชื่อว่า การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์รอบนี้ได้เปลี่ยนความเชื่อมั่นของนักลงทุนไปใน “ทิศทางบวก”
ต้องจับตาหลังจากนี้ อาจกำลังจะกลับมาเป็น “ช่วงขาขึ้น” หรือไม่ในช่วง “ต้อนรับใหม่2565” นี้ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ราคาบิทคอยน์ เคยทะยานทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทะลุ 60,000 ดอลลาร์ หรือ 1.8 ล้านบาทมาแล้ว
ขณะที่ในปีนี้ บิทคอยน์ พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดตลอดกาลที่ 69,044 ดอลลาร์ หรือ 2.28 ล้านบาท ในวันที่ 10 พ.ย.2564
ตามมาด้วยการปรับฐานลดลงล่าสุดต่ำกว่า50,000 ดอลลาร์ หรือ 1.65 ล้านบาท และช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ กำลังเคลื่อนไหวปรับตัวขึ้นอยู่ที่ประมาณ 51,067 ดอลลาร์ หรือ 1.69 ล้านบาท
หลังจากโดยราคาปิดปี 2563 ที่ 28,890.12 ดอลลาร์ หรือ 953,373.96 บาท
กระเป๋าเงิน ADA พุ่งรับคริสต์มาส
อย่างไรก็ดี รายงานข้องมูลของ “ เครือข่าย Cardano” ได้เห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในตลอดช่วงปีนี้ และช่วงคริสต์มาสปีนี้ สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ จำนวนของกระเป๋าเงิน ADA ที่เพิ่มมากขึ้นมากกกว่า 1,200% โดยเติบโตจากคริสต์มาสปีที่แล้วที่ 190,000 กระเป๋าสู่ 2.5 ล้านกระเป๋าโดยอิงข้อมูลจากวันที่ 24 ธ.ค.2564
จำนวนกระเป๋าเงินอาจชี้ให้เห็นถึงโอกาสของ ADA สำหรับนักลงทุนที่คาดหวังว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นท่ามกลางการพัฒนาเครือข่ายใหม่ที่กำลังดำเนินการอยู่ จากการเปิดตัว Decentralized Exchange (DEX) บนบล็อกเชนของ Cardano ทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนจำนวนกระเป๋าเงินบนเครือข่ายให้พุ่งสูงขึ้นอีกด้วย ด้วยค่าธรรมเนียมที่ถูกว่า ทำให้ ADA ถูกมองว่าเป็นทางเลือกแทน Ethereum หรือ “ETH killer”
ADA ขึ้นสู่สกุลเงินคริปโทฯ อันดับ6
โดย ADA เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลกตามมูลค่าราคาตลาด ตลาดมองว่าภาพรวมการอัปเกรดเครือข่ายได้ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งให้กับราคาและชุมชนของ ADA จาได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้นในปีที่ผ่านมานี้และได้ปรับฐานราคาขึ้นมากกว่า 870%
ทั้งนี้ ชุมชนคริปโทเคอเรนซี บน CoinMarketCap คาดว่า ADA อาจซื้อขายที่ราคาประมาณ 2.4 ดอลลาร์ ภายในสิ้นปีนี้ ขณะนี้ได้ทำราคาอยู่ที่ 1.46 ดอลลาร์ เพิ่มมากขึ้นกว่า 18%ตลอดช่วง 7 วันที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ตอนรับวันคริสต์มาสในวันนี้ (25 ธ.ค.) จากเว็บไซด์ coinmarketcap.com เวลา 06.00น. พบว่า เหรียญคริปโทฯ ราคาพุ่งแรง นำโดย Fantom (FTM) ราคาเฉลี่ย24ชม. เพิ่มขึ้น 12.35% มีราคาเหรียญอยู่ที่ 70 บาท รองลงมาเป็น Aave (AAVE) ราคาเฉลี่ย24ชม. เพิ่มขึ้น 11.43 % มีราคาเหรียญอยู่ที่ 9,139.18 บาท และ Kadena (KDA) ราคเฉลี่ย24ชม. เพิ่มขึ้น 10.32 % มีราคาเหรียญอยู่ที่ 413.77 บาท
และยังพบว่า เหรียญคริปโทฯ ขนาดใหญ่ อันดับหนึ่งอย่าง Bitcoin (BTC) ราคาเฉลี่ย24ชม. ลดลง 0.02% มีราคาเหรียญอยู่ที่ 1,699,774.76 บาท รองลงมา อันดับสอง Ethereum (ETH) ราคาเฉลี่ย24ชม. ลดลง 1.67% มีราคาเหรียญอยู่ที่ 135,306.39 บาท และอันดับ สาม Binance Coin (BAB) ราคาเฉลี่ย24ชม. ลดลง 1.46 % มีราคาเหรียญอยู่ที่ 8,119.16 บาท
นักลงทุนวิ่งหาคริปโทฯ เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยหนีเงินเฟ้อ-โอมิครอน
อย่างไรก็ดี ในปีหน้า กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก อาจไม่สามารถหลีกหนี “ทิศทางเงินเฟ้อทั่วโลกเป็นช่วงขาขึ้น” คงไม่ใช่เป็นเรื่องชั่วคราวตามท่าทีของเฟด ยังต้องติดตามกันต่อไป
และ"การแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์ใหม่ โอมิครอน" เข้ามาช่วงส่งท้ายปีนี้ นักลงทุนเริ่มกังวลว่า หลังปีใหม่ตลาดการลงทุนทั่วโลกผันผวนได้
ดังนั้นในช่วงที่ราคาคริปโทฯ กลับมาปรับตัวแรงก่อนช่วงเทศกาลหยุดยาว คริสต์มาสและปีใหม่ มีนักลงทุนบางกลุ่ม หรือ บางคน กำลังปรับพอร์ตหลบเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย และคริปโทเคอเรนซี อย่าง "บิทคอยน์" ที่ไม่มีเรื่องเงินเฟ้อมาเกี่ยว นั่นเอง และหวังโอกาสในการรับผลตอบแทนเพิ่มในปีหน้าอีกด้วย
ประกอบกับกระแส "การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล" ที่กำลังกลายเป็นโลกอนาคต ทุกคนต้องเข้าไปเรียนรู้เพื่อไม่ให้ตกขบวน ทำให้ "สินทรัพย์ดิจิทัล" จึงกลายเป็น "หนึ่งในสินทรัพย์ทางเลือก" เช่นเดียวกับ "ทอง" ที่นักลงทุนควรเริ่มศึกษาและลงทุนในปีหน้า
โดยผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ส่วนใหญ่แนะนำว่า พอร์ตลงทุนในปีหน้า นักลงทุนควรมีสัดส่วนสินทรัพย์ทางเลือกราว 5% ซึ่งในส่วนนี้จะลงทุนคริปโทฯ สัดส่วนเท่าไหร่ เหรียญไหนบ้าง เอาเป็นว่า"ตามจริตและความเสี่ยง"ที่ตนเองรับได้กันเลย ที่สำคัญต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน