เผยฐานะการคลัง ณ ต.ค.รัฐบาลขาดดุลเงินสุดกว่า 3.6 แสนล้าน
โฆษกคลังเผย ณ เดือนต.ค.64 รัฐบาลขาดดุลเงินสดกว่า 3.6 แสนล้านบาท โดยมีรายได้นำส่ง 1.62 แสนล้านบาท มียอดเบิกจ่ายอยู่ที่ 5.1 แสนล้านบาท ขณะที่ รัฐบาลกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 8.2 หมื่นล้านบาท ด้านเงินคงคลังอยู่ที่กว่า 3 แสนล้านบาท
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยฐานะการคลังของรัฐบาล ตามระบบกระแสเงินสดเดือนต.ค. 2564 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 โดยรัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้นจำนวน 162,410 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้นจำนวน 510,234 ล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลจำนวน 82,000 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนต.ค.2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 305,973 ล้านบาท
“ในเดือนดังกล่าว รัฐบาลขาดดุลเงินสด จำนวน 364,774 ล้านบาท โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณจำนวน 347,824 ล้านบาท และเป็นการขาดดุลเงินนอกงบประมาณจำนวน 16,950 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนต.ค. 2564 มีจำนวน 305,973 ล้านบาท”
โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1. ฐานะการคลังเดือนตุลาคม 2564 1.1 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง จำนวน 162,410 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว จำนวน 86,290 ล้านบาท (คิดเป็น 34.7%)
เนื่องจาก ปัจจัยฐานสูงในปีก่อนที่มีรายได้เหลื่อมจากการขยายเวลา การชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลในปีงบประมาณ 2563 โดยให้ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีได้ถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 ทำให้มีการนำส่งรายได้เหลื่อมเข้ามาในเดือนตุลาคม 2563 จำนวน 72,600 ล้านบาท
ขณะที่ การชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลในปีงบประมาณ 2564 มีการนำส่งรายได้ภายในปีงบประมาณทั้งหมด ทำให้มีรายได้เหลื่อมมาในเดือนต.ค. 2564 น้อยกว่าเดือนเดียวกันของปีงบประมาณก่อนหน้า
1.2 รัฐบาลมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 510,234 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกัน ปีที่แล้ว จำนวน 135,668 ล้านบาท (คิดเป็น 36.2%) โดยเป็นรายจ่ายปีปัจจุบัน จำนวน 493,513 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วคิดเป็น 38.9% และการเบิกจ่ายเงินจากงบประมาณปีก่อน จำนวน 16,721 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วคิดเป็น 13.4%
1.2.1 รายจ่ายประจำ จำนวน 439,168 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วคิดเป็น 28.38% ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากกองทุนและเงินทุนหมุนเวียน กระทรวงมหาดไทย รายจ่ายเพื่อชดใช้ เงินทุนสำรองจ่าย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงแรงงาน เบิกจ่ายสูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว
1.2.2 รายจ่ายลงทุน จำนวน 54,344 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว คิดเป็น 312.1% ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากเงินอุดหนุนของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน กระทรวงคมนาคม รัฐวิสาหกิจ และกระทรวงมหาดไทย เบิกจ่ายสูงกว่า เดือนเดียวกันปีที่แล้ว การเบิกจ่ายเงินงบประมาณที่สำคัญในเดือนนี้
ได้แก่ งบรายจ่ายอื่นของกองทุนและเงินทุน หมุนเวียน จำนวน 78,459 ล้านบาท งบรายจ่ายอื่นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน 66,525 ล้านบาท เงินอุดหนุนของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จำนวน 49,816 ล้านบาท
เงินอุดหนุนของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จำนวน 42,991 ล้านบาท รายจ่ายเพื่อชดใช้ เงินทุนสำรองจ่ายจำนวน 24,961 ล้านบาท เงินอุดหนุนของสำนักงานประกันสังคม จำนวน 22,046 ล้านบาท เงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 21,412 ล้านบาท และเงินอุดหนุนของสำนักงาน ศาลยุติธรรม จำนวน 7,169 ล้านบาท
2. ดุลการคลังรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ณ เดือนต.ค. 2564 ขาดดุลจำนวน 364,774 ล้านบาท โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ จำนวน 347,824 ล้านบาท และการขาดดุลเงินนอกงบประมาณ จำนวน 16,950 ล้านบาท
สาเหตุหลักมาจากเงินฝากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก สุทธิ จำนวน 10,895 ล้านบาท และมีการถอนเงินฝากคลังของเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 สุทธิ จำนวน 27,672 ล้านบาท
ทั้งนี้ รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 82,000 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินสดหลังกู้ (หลังกู้ชดเชยการขาดดุล) ขาดดุล จำนวน 282,774 ล้านบาท และเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนต.ค. 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 305,973 ล้านบาท