"อาการโอมิครอน" 5 เหตุผลที่ทำให้ความรุนแรงของโรคลดน้อยลง

"อาการโอมิครอน" 5 เหตุผลที่ทำให้ความรุนแรงของโรคลดน้อยลง

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ (หมอยง) โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับ "อาการโอมิครอน" เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่กับ 5 เหตุผลที่ทำให้อาการของโรครุนแรงน้อยลง

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ (หมอยง) หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับ "อาการโอมิครอน" เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ กับ 5 เหตุผลที่ทำให้อาการของโรครุนแรงน้อยลง

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

- "อาการโอมิครอน" อัพเดท 8 อาการที่พบในไทย หากเข้าข่ายต้องทำอย่างไร

- ยอด โควิด-19 วันนี้ ติดเชื้อเพิ่ม 3,899 ราย ตาย 19 ราย ATK อีก 3,555 ราย

 

เฟซบุ๊กของ หมอยง ได้พูดถึง 5 เหตุผลที่ทำให้ "อาการโอมิครอน" รุนแรงน้อยลงโดยระบุว่า "โอมิครอน" ก่อโรคโควิด-19 เหตุผลที่ทำให้อาการของโรครุนแรงน้อยลง

 

1.การติดเชื้อในเด็กเพิ่มมาก เด็กติดเชื้อส่วนใหญ่จะไม่รุนแรง อาการเหมือนหวัดหรือไม่มีอาการ อาการจะรุนแรงสูงตามอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ 

 

2.ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนแล้วจำนวนมาก รวมทั้งผู้สูงอายุทำให้อาการของโรคลดลง

 

3.ด้วยตัวไวรัสเอง การศึกษาในสถานการณ์จริง เช่น ในแอฟริกาใต้ ปรับตัวแปรต่างๆแล้ว โอมิครอนสร้างความรุนแรงน้อยกว่าเดลตา

 

4.จากการศึกษาในเซลล์ทดลองไวรัส โอมิครอน ชอบเยื่อบุเซลล์ทางเดินหายใจส่วนต้นมากกว่าเนื้อเยื่อถุงลมปอด เป็นเหตุผลให้ไวรัสลงปอดได้น้อยกว่า

 

5.ตามหลักวิวัฒนการของสิ่งมีชีวิต ตามทฤษฎีของชาร์ล ดาร์วิน สิ่งมีชีวิตจะต้องปรับตัวให้เหมาะสมเพื่อความอยู่รอด ไวรัส ปรับตัวเข้าหาเซลล์เจ้าบ้าน เพื่อความอยู่รอด มนุษย์ติดเชื้อแล้วก็มีภูมิต้านทาน ไวรัสก็พยายามปรับตัวให้อยู่กับเซลล์เจ้าถิ่นให้ได้ดีที่สุด ถ้าทำลายเซลล์เจ้าบ้านมากก็ไม่มีบ้านอยู่เหมือนกัน เชื่อว่าไวรัสทางเดินหายใจหลายตัว ในอดีตที่อุบัติขึ้นในระยะแรกก็ก่อให้เกิดความรุนแรงของโรค และปรับตัวเป็นโรคประจำถิ่น

 

 

ขอยกตัวอย่างประเทศเดนมาร์ก ในช่วงระบาดหนักปลายปี 2563 - 2564 เข้าใจว่าเป็นสายพันธุ์แอลฟาหรืออังกฤษ 20 ธันวาคม 2563 มีผู้ป่วย 4,043 คน ค่าเฉลี่ย 7 วันอยู่ที่ 3,332 คนต่อวัน มีผู้เสียชีวิตวันละ 30 คน เฉลี่ย 7 วันอยู่วันละ 30 คนเช่นกัน มาระบาดในช่วงปีนี้ในวันที่ 27 ธันวาคม 2564 มีผู้ป่วย 41,035 คน (10 เท่า) และค่าเฉลี่ย 7 วันในช่วงดังกล่าวเสียชีวิต 12 คนต่อวัน แสดงการเสียชีวิตในรอบที่แล้วกับรอบใหม่อัตราการตายต่อผู้ป่วยต่างกันอย่างมาก

 

การติดเชื้อทั่วโลก ขณะนี้เพิ่มมากขึ้นวันละเป็นล้าน แต่อัตราตายโดยเฉลี่ยลดลงกว่าที่ผ่านมาในอดีตมาก ตัวเลขขณะนี้จะนับจำนวนผู้ป่วย เฉพาะผู้ที่ทำการตรวจยืนยันแล้วเท่านั้น ผู้ป่วยส่วนมากที่มีอาการ แล้วไม่ได้ตรวจ เช่นในประเทศที่การตรวจ RT-PCR ไม่ทั่วถึง และการที่ป่วยแบบไม่มีอาการ ก็มีอีกจำนวนมาก เมื่อรวมแล้ว น่าจะเป็นจำนวนมากกว่ายอดที่แจ้งให้องค์การอนามัยโลกหลายเท่า เมื่อติดเชื้อแล้วก็จะมีภูมิต้านทานเกิดขึ้น และการติดเชื้อครั้งต่อไปอาการความรุนแรงก็จะลดลง เหมือนโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ประกอบกับ มีผู้ที่ได้รับวัคซีนอีกจำนวนมาก (ปัจจุบันฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า 9000 ล้านโดส) เมื่อรวมกันแล้วน่าจะมีประชากรหลายพันล้านคนที่มีภูมิต้านทานแล้ว จากการติดเชื้อหรือได้รับวัคซีน

 

ด้วยเหตุผลดังกล่าว เมื่อประชากรส่วนใหญ่มีภูมิเกิดขึ้น และความรุนแรงของโรคน้อยลง อัตตราตายของโรคในปัจจุบันจึงมีลดลงมาโดยตลอด และในที่สุดเชื่อว่า องค์การอนามัยโลก จะเลิกนับจำนวนผู้ป่วย และหลังจากนั้น ก็จะทำการตรวจเฉพาะผู้ที่มีอาการของโรคเท่านั้น จะไม่เหวี่ยงการตรวจ RT-PCR ที่มีราคาแพง มากมาย เหมือนในปัจจุบัน จะตรวจในผู้ที่มีอาการ หรือกลุ่มเสี่ยง ที่ต้องการรักษาหรือมีอาการมาก โดยเฉพาะเมื่อมียารักษาจำเพาะ เพื่อลดความรุนแรง และทุกคนก็จะยอมรับและปรับตัวได้มากขึ้น

 

CR เฟซบุ๊ก : ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ