"สมปอง" โต้เดือด "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" ยันไม่เคยหิวเงิน ทำงานหนักเพราะอยากรวย

ภายหลังตกเป็นประเด็นร้อน เมื่อ “เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล” พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย แถลงข่าวแตกหัก “สมปอง นครไธสง” หรือ “อดีตพระสมปอง” อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง โดยเผยถึงรายละเอียด ทั้งเรื่องความทะเยอทะยานอยากรวยเกินเหตุ , หนี้สินจากเงินกู้นอกระบบกว่า 10.9 ล้านบาทนั้น

ล่าสุด “สมปอง” แถลงข่าวชี้แจงว่า ได้ฟังแถลงของพี่สาว (เจ๊ติ๋ม) แล้ว โดยเรื่องเข้าไปอยู่ที่บ้าน เริ่มต้นจากเขาเป็นคนชวนเข้าไปอยู่ที่บ้าน ตนเองไม่ได้ขอเข้าไปอยู่ เมื่อเข้าไปอยู่ พบว่าบ้านกำลังรีโนเวทอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับตนเอง โดยมีวาสนาอยู่ที่บ้านหลังนี้เพียง 1 เดือนเท่านั้น  

ส่วนประเด็นเรื่องเสื้อผ้า 8 หมื่กว่าบาท ส่วนตัวไม่มีชุดสำรองอยู่แล้ว เมื่อเขาอะไรมาให้ก็เอา เพราะเป็นคนไม่แต่งตัว แต่ที่ยบอกว่าเลือกของแพง ตนเองไม่รู้หรอกว่า อะไรถูกหรือแพง แต่ก็พอรู้จักอยู่บ้างอย่างแบรนด์ Lacoste

“ผมใส่อะไรก็ได้ ผมไม่รู้ว่าต้องแต่งตัวสีอะไร ทีมงานต้องจัดให้ผม ฉะนั้นผมแล้วแต่เลย จะจัดอะไรให้ผม ถ้าให้ผมเลือได้ ผมเลือกใส่ชุดฟุตบอล”

ขณะที่ประเด็นเรื่องทะเยอทะยานอยากรวย ขอย้ำว่า ตนเองมีหนี้สินจริง ฉะนั้นต้องทำงานหนักแลกเงิน และขอย้ำว่า ไม่เคยเอาเงินออกมาจากศาสนาเลย

“ผมไม่เคยหิวเงิน และไม่ยุ่งธุรกิจสีเทา แต่ที่ทำงานหนักอยากรวย เพราะเมื่อเราเป็นหนี้สินต้องรับผิดชอบ ผมเป็นหนี้ใครต้องใช้หนี้เขา ซึ่งเป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนเป็นพระแล้ว เมื่อก่อนเคยมีคนติดหนี้ตนเอง แล้วไม่ยอมชดใช้ ผมก็ไม่ว่าอะไร ผมต้องทำงานใช้หนี้อยู่แล้ว ผมจะไม่ให้คนอื่นมาใช้หนี้แทน และพี่สาวไม่ได้ใช้หนี้ให้ผม แต่มีการทำงานแลกเงิน”

เบื้องต้นตนเองขอกราบขอบคุณพี่ท่านนั้น (เจ๊ติ๋ม) ที่สั่งสอนมาตลอด ซึ่งตนรักและเคารพ หวังว่าจะได้ทำงานกับพี่อีก ส่วนเรื่องคบเพื่อน จะขอไตร่ตรองด้วยตัวเอง

ย้ำว่าหนึ่งที่รู้สึกซีเรียส คือเรื่องคบคนสีเทา และยาเสพติด จึงขอยืนยันว่าแม้แต่บุหรี่ตนเองก็ไม่สูบ ขณะที่ประเด็น “ตู้แช่ไวน์” ซึ่งยอมรับว่าเคยลองดื่ม ซี่งผู้หลักผู้ใหญ่ชวนในงานสังคม ส่วนคบคนสีเทายังไม่ได้เช็คประวัติ

สำหรับประเด็นที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ออกมาแฉว่าซื้อที่ดิน สปก. 300 ไร่ นั้น ยืนยันว่าเป็นที่ดินของพ่อ แม่ พี่ น้อง เป็นที่ดินธรรมดาทั่วไป แต่ส่วนตัวไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง

“สมปอง” ยังชี้แจงประเด็นที่ “เจ๊ติ๋ม” ระบุว่าสมปองอยากรวยจนเกินไปนั้น เป็นการพูดทีเล่นทีจริงแบบขำ ๆ  เป็นการตั้งเป้าหมายทั่วไปในการทำงาน เหมือนกันคนอื่นที่ตั้งไว้ในการผลักดัน

อย่างไรก็ตามสำหรับชีวิตหลังจากนี้จะตั้งใจทำงานเต็มที่เต็มเวลาตามความสามารถ ซึ่งยืนยันว่าเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เป็นพระ พร้อมระบุมองเรื่องนี้เป็นบทเรียน และรับมือด้วยสติ และขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้ความเมตตา และลูกเพจที่ห่วงใหญ่ ยืนยันยังเป็นสมปองคนเดิมเพิ่มเติมคือขยันขึ้น ย้ำยังรักยังเคารพผู้ใหญ่ทุกท่านที่มีพระคุณเสมอมา ร่วมงานได้ถ้าให้โอกาส ขอให้รักและเอ็นดูเหมือนเดิม