ก.เกษตรฯ เตรียมตั้งแผงขาย “เนื้อหมู” ราคาถูก 140 บาท/กก. 12-19 ก.พ.นี้

เมื่อวันที่ 9 ก.พ.65 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “เกษตรช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ” โดยกล่าวว่า จากสถานการณ์ "ราคาหมูแพง" ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน โดยเฉพาะกับประชาชนผู้บริโภค รวมไปถึงผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่ต่างได้รับความเดือดร้อน จากปัญหาราคา "เนื้อหมู" ที่ปรับตัวสูงขึ้น

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จึงได้จัดโครงการ “เกษตรช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ” ที่กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 - 19 กุมภาพันธ์ 2565 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด ณ ลานกิจกรรมตลาดริมน้ำ อ.ต.ก. เลียบคลองบางซื่อ ถ.พหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน ลดภาระค่าใช้จ่าย และบรรเทาความเดือดร้อนจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ด้วยการจัดจำหน่ายหมูเพื่อประชาชน

ซึ่งเป็นหมูเนื้อแดง คุณภาพดี การันตีด้วยมาตรฐานปศุสัตว์ OK ในราคาถูกกว่าท้องตลาด เพียงกิโลกรัมละ 140 บาท ซึ่งจะนำมาจำหน่ายที่ตลาด อ.ต.ก. จำนวน 150,000 กิโลกรัม โดยกำหนดซื้อได้คนละไม่เกิน 5 กิโลกรัม เพื่อให้ทั่วถึงกันทุกคน

“กระทรวงและสหกรณ์พร้อมบูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานและทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ และเครือข่ายภาคเอกชน เพื่อให้สถานการณ์ราคาหมูกลับมาสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังได้เดินหน้าในหลายกิจกรรม เพื่อช่วยเหลือประชาชนในสภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง อย่างเช่น โครงการร้านข้าวแกง 20 บาท ที่ได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และเชื่อมั่นว่าโครงการ “เกษตรช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ” จำหน่ายหมูราคาถูกเพื่อประชาชนในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งโครงการ ที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน ได้สามารถบริโภคหมูที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม

ดร.เฉลิมชัย กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่ตรวจเจอเชื้อโรค African Swine Fever (ASF) หรือ โรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู มีการดำเนินการในการป้องกัน และมีการใช้กฎหมายมาตรการอื่นๆ พร้อมทั้งได้เช็คจำนวนสุกรทั้งหมดของประเทศ เบื้องต้น ในกรณีทั้งเสียหายและหยุดเลี้ยงไปประมาณ 10-12% แต่ยังมีปริมาณหมูอยู่ในตลาดกว่า 90% ปกติ

เพราะฉะนั้นจำนวนปริมาณที่ลดลงไป อาจจะเกิดกลไกอะไรก็แล้วแต่ แต่รัฐบาลก็พยายามที่จะมาดูแลราคาหมูในแต่ละวัน ราคาก็จะปรับลดลงไปเรื่อยๆ ในรอบหนึ่งของการเลี้ยง แม่หมู 1 ตัว ภายใน 1 ปี จะได้ ประมาณ 2-5 รอบ เพราะฉะนั้นคาดการณ์ว่าจากมาตรการที่กำหนดอย่างเข้มข้นในการที่จะฟื้นฟูผู้เลี้ยงสุกรที่จะให้กลับมาเลี้ยงได้ และหมูจะไม่ขาดตลาด

รวมทั้งการบริหารจัดการที่จะไม่ทำให้ "เนื้อหมู" ราคาสูงเกินไปอาจจะต้องใช้เวลาในการที่จะให้แม่หมูผลิตลูกสุกรออกมา จากปัจจุบันมีจำนวนพ่อสุกร เสียหายไปเป็นจำนวนมาก วันนี้ทางกรมปศุสัตว์ได้เตรียมพร้อมในการที่จะผสมเทียม ซึ่งจะมีความปลอดภัยมากกว่าและแม่นยำมากกว่า ผมเชื่อมั่นว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ และใช้เวลา 1-2 รอบในการผลิตสุกรก็จะกลับเข้ามาสู่ภาวะปกติ แล้วจะทำให้ราคากลับไปคืนสู่ที่ระดับประชาชนไม่เดือดร้อน

ส่วนในเรื่องการนำเข้าหมู จะมีการพิจารณาตามความเหมาะสม แล้วถ้าสถานการณ์หมู ยังอยู่ในสถานการณ์ปกติ ทางกรมปศุสัตว์ก็จะพิจารณาว่าถ้ายังไม่สมควรนำเข้าก็ไม่ให้นำเข้า แต่ถ้าสมควรให้นำเข้าเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติราคาปริมาณเนื้อหมู ก็ต้องนำเข้า อยู่ที่ความเหมาะสมและความจำเป็น ก็อยากจะขอความร่วมมือว่าได้พยายามทำเต็มที่ที่จะฟื้นฟูเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรขึ้นมา ถ้าทุกคนให้ความร่วมมือกันผมมั่นใจว่าภาวะปกติจะกลับขึ้นมาสู่เร็วขึ้น

ด้านนายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต กล่าวว่า ตามที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความห่วงใยและให้ความสำคัญ ในกรณีที่อาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกรเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า โดยได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมเครือข่ายปฏิบัติงานเร่งตรวจสอบห้องเย็นเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าว

ทางกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรฯ พร้อมหน่วยงานในพื้นที่เครือข่ายกองบังคับการปราบปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) จึงได้สนธิกำลังเร่งตรวจสอบห้องเย็นเพื่อกันการกักตุนซากสุกรทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง มีการตรวจพบซากสุกร สะสม ร่วม 25 ล้านตัน

มีทั้งในส่วนที่ทำถูกต้องตามกฎหมายและผิดกฎหมาย พรบ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558และพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2559 รวมทั้งกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ และมีกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยให้การบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการกักตุนโภคภัณฑ์ในสถานการณ์ที่เนื้อสุกรและโภคภัณฑ์บางชนิดมีราคาสูงขึ้นผิดปกติเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถบังคับซื้อ และบังคับขายได้

มีบางแห่งมาเก็บไว้ 4-5 เดือน ไม่มีการเคลื่อนย้ายเลย หรือออกน้อย ก็เป็นเรื่องที่ควรจะดูแล ร่วมมือกันที่จะช่วยกันฝ่าฟัน ตอนนี้การผลิต 2.5 รอบต่อปี ตลอดจนการควบคุมโรคก็เป็นไปตามมาตรฐานสากล ถ้าร่วมมือกันทุกส่วนไม่ค้ากำไรเกินควรก็จะผ่านวิกฤตินี้ไปได้ ส่วนสถานการณ์โรค ตอนนี้มี 19 จังหวัด ในจังหวัดมี จุดหนึ่ง หรือ 2 จุด เท่านั้น