สมุทรสาครเตรียมพร้อมฟื้นแผนรองรับผู้ติดเชื้อโควิด 19 ทั้ง FAI และ CI
ผวจ.สมุทรสาคร สั่งทุกฝ่ายเตรียมพร้อมฟื้นแผนรองรับผู้ติดเชื้อโควิด 19 ทั้ง FAI และ CI หลังพบยอดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน
เมื่อเวลา 09.30 น. ของวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร ณ ห้องประชุมพันท้ายนรสิงห์ (401) ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร โดยในที่ประชุมได้มีการรายงานถึงสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด 19) และแนวทางการบริหารจัดการผู้ติดเชื้อทั้งที่อยู่ในครอบครัว ชุมชน และสถานประกอบการ เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันนี้จังหวัดสมุทรสาคร พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ขึ้นทุกวัน
โดยล่าสุดจากการรายงานข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อเวลา 16.00 น.ของวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงถึง 366 ราย เป็นคนในจังหวัด 233 ราย จำแนกเป็นคนไทย 201 ราย กับ แรงงานต่างชาติ 32 ราย และคนนอกจังหวัดอีก 133 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตยังคงเป็น 0 โดยผู้ติดเชื้อที่พบนั้น ส่วนใหญ่พบในชุมชนมากกว่าในสถานประกอบการ ส่วนในโรงเรียนนั้นแทบจะไม่พบเลย
ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอีกระยะหนึ่ง ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในแต่ละฝ่าย ไปดำเนินการเตรียมพร้อมรองรับกับสถานการณ์ดังกล่าว อาทิเช่น นายแพทย์สาธารณสุขและโรงพยาบาลทุกแห่ง วางแนวทางร่วมกันในการจำแนกอาการของผู้ติดเชื้อเพื่อแยกเข้าสู่กระบวนการรักษาหรือการกักตัวในสถานที่ๆ เหมาะสมทั้ง HI / FAI / CI /โรงพยาบาลสนาม และ โรงพยาบาลหลัก , แรงงานจังหวัดสมุทรสาคร เร่งประชาสัมพันธ์ให้สถานประกอบการทุกแห่งต้องมีความพร้อมในการจัดตั้ง FAI ตามแนวทางอย่างที่เคยทำมา
หากพบว่ามีการระบาดของเชื้อในกลุ่มแรงงานเป็นจำนวนมาก ก็สามารถที่จะจัดตั้ง FAI รองรับกลุ่มแรงงานในสถานประกอบการได้ทันที, กรมการปกครองและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องเตรียมพร้อมในการจัดตั้ง CI ให้สามารถรองรับผู้ติดเชื้อที่ส่งต่อมาจากโรงพยาบาลของรัฐได้ เพื่อลดอัตราผู้ป่วยที่ไม่มีอาการรุนแรงที่มาพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
เพราะปัจจุบันโรงพยาบาลของรัฐทั้ง 3 แห่งนั้นเริ่มมีอัตราผู้ติดเชื้อสูงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้วทั้งๆ ที่บางรายก็มีอาการไม่รุนแรงมากนัก จึงต้องมีการนำผู้ติดเชื้อในกลุ่มที่อาการไม่รุนแรงออกมาอยู่ที่ศูนย์ FAI / CI หรือ HI แทน ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขก็จะต้องลงพื้นที่ดูบ้านของกลุ่มเสี่ยงเพื่อรองรับการทำ HI ในกรณีกลุ่มผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการใดๆ เลยหรือ ได้รับการส่งต่อจากโรงพยาบาลให้กลับมาพักต่อที่บ้านจนครบกำหนดระยะเวลากักตัว10 วัน เป็นต้น
นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้สั่งการเน้นย้ำว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้สิ่งสำคัญคือ การแยกกลุ่มอาการของผู้ป่วยให้ได้อย่างชัดเจน โดยใช้เกณฑ์การประเมินที่สำนักงานสาธารณสุขตั้งไว้ แล้วให้แพทย์แต่ละโรงพยาบาลเป็นผู้วินิจฉัยเพื่อส่งต่อกลุ่มผู้ติดเชื้อไปพักรักษาตัว หรือกักตัวยังสถานที่ๆ มีความเหมาะสม อย่าให้มาแออัดอยู่แต่ในโรงพยาบาลเพียงอย่างเดียว เนื่องจากโรงพยาบาลยังคงต้องรักษาผู้ป่วยด้วยโรคอื่นๆ อีกด้วย ขณะที่ในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนนั้น ก็จะต้องมีความรับผิดชอบต่อผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระบบประกันสังคมของตนเอง อย่าผลักภาระมาให้กับโรงพยาบาลของรัฐเป็นผู้รับผิดชอบ
ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายในการไปกำชับและดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรค อีกทั้งยังต้องเตรียมพร้อมทั้งทางด้านบุคลากร แผนปฏิบัติ และอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ หากมีความจำเป็นต้องจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม , ศูนย์พักคอยคนสาคร หรือ CI และ ศูนย์พักคอย แรงงานในสถานประกอบการหรือ FAI เพิ่มขึ้นในส่วนตรงไหนที่เกิดการระบาดอย่างหนักก็ต้องสามารถดำเนินการได้ทันที