เหล้า เบียร์ จ่อขึ้นราคา มี.ค. ผู้บริโภคจี้รัฐแก้ ก.ม.ค้าเสรี ลดนายทุนผูกขาด
คอแอลกอฮอล์โอด เหล้า - เบียร์ จ่อขึ้นราคา มี.ค. ร้านค้าปลีกและผู้บริโภคจี้รัฐเร่งแก้กฎหมายการค้าเสรี เชื่อทำราคาถูกลงเพราะมีผู้ผลิตหลายราย ไม่ผูกขาดนายทุน
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 คอแอลกอฮอล์โอดราคา เหล้า - เบียร์ จ่อปรับขึ้นอีก หลังจากที่บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสุรารายใหญ่ได้เริ่มทยอยแจ้งการปรับ "ขึ้นราคา" ไปยังคู่ค้ารายต่างๆ โดยเริ่มจากกลุ่ม "สุราขาว"
โดยในส่วนของสุราขาวขวดเล็กปรับขึ้นอีก 120 บาทต่อลัง จากเดิมประมาณ 1,242 บาท และเบียร์อาจจะเพิ่มอีกกระป๋องละ 2-3 บาท โดยราคาใหม่นี้จะเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจราคาขาย เหล้า - เบียร์ ที่ร้านขายของชำ และร้านค้ารายย่อยในพื้นที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ จากการสำรวจพบว่าราคาขายปลีกหน้าร้านของเหล้าและเบียร์ยังอยู่ในราคาปกติ ยังไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด
นายกาญจ์ปพน อุตเจริญ เจ้าของร้านค้าดังกล่าว เผยว่า หลังจากทราบข่าวว่าจะมีการ "ปรับขึ้นราคา" เหล้า เบียร์ ก็ได้มีการตรวจสอบกับร้านค้าส่งขนาดใหญ่ในพื้นที่พบว่าจะมีการปรับราคาขึ้นจริง เช่น เบียร์ปรับขึ้นเฉลี่ยลังละ 15 บาท ส่วนเหล้าขาวและเหล้าสียังไม่แน่ใจว่าจะปรับขึ้นเท่าไหร่ เนื่องจากว่าร้านค้าส่งยังรอบริษัทเคาะราคา
โดยจะมีการเริ่มปรับขึ้นราคา เหล้า เบียร์ ในวันที่ 1 มีนาคม 2565 นี้ ซึ่งร้านค้ารายย่อยจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เนื่องจากว่าร้านค้ารายย่อยไม่มีทุนทรัพย์มากพอที่จะกักตุนสินค้าก่อนที่ราคาจะปรับตัวขึ้น ต่างจากร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ที่สามารถกักตุนเอาไว้ได้จำนวนมาก
"ร้านค้ารายย่อยได้กำไรเพิ่มขึ้นหรือไม่จากราคาที่ปรับขึ้น ถ้าร้านค้ามีทุนกักตุนไว้ก่อนขึ้นราคา ก็จะได้กำไรเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อไม่มีทุนกำไรถือว่าเท่าเดิม เพราะต้นทุนปรับขึ้นเช่นเดียวกัน ถ้าเป็นไปได้อยากให้รัฐบาลแก้กฎหมายสรรพสามิตและกฎหมายสุราของประเทศไทย เพื่อให้ผู้ผลิตรายย่อยเข้ามาแข่งขันในตลาดได้ ลดการผูกขาดของนายทุน จะทำให้ราคาขายสุราเหล้า เบียร์ถูกลงอย่างแน่นอน เพราะมีผู้ผลิตมากย่อมเกิดการแข่งขันกันในด้านของราคา และผลประโยชน์จะตกที่ผู้บริโภคหรือประชาชนที่จะมีทางเลือกมากขึ้น รวมถึงท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มมากขึ้น"
ขณะที่ประชาชนทั่วไปเปิดเผยว่า ส่วนตัวมองว่าการ "ปรับราคาเหล้าเบียร์" ขึ้นนี้ อาจเป็นเพราะว่ารัฐบาลจะหารายได้มาชดเชยในช่วงที่มีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่อเนื่อง จะให้ดีต้องมีการแก้กฎหมายเหล้า เบียร์ เปิดให้แข่งขันอย่างเสรีมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือก แต่เมื่อยังไม่มีการแก้กฎหมาย ผู้บริโภคต้องปรับตัวตามราคากันต่อไป เพราะตลาดน้ำเมาผูกอยู่กับนายทุนรายใหญ่เพียงไม่กี่รายตามที่เห็นๆ กันอยู่
ข่าวโดย เกรียงไกร รัตนา จ.เชียงใหม่