นายกฯขวัญ จับมือหัวเหว่ย ใช้นวัตกรรมพัฒนานครพนม
นายกฯขวัญ จับมือหัวเหว่ย เดินหน้าสร้างองค์กรแห่งนวัตกรรมเพื่อพัฒนาจังหวัดนครพนมอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์2565 เวลา 15.00 น. นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม , ผศ.(พิเศษ)ดร.ธนบวร สิริคุณากรกุล ประธานกรรมการติดตามแผนและนโยบาย , นายสมเกียรติ ศิริตัน ปลัด อบจ. พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร อบจ.นครพนม ได้เข้าร่วมประชุมหารือกับ ผู้บริหารบริษัทหัวเหว่ย (ประเทศไทย) โดยมีนายวรวิทย์ จำปาไชยศรี (Senior Vice President) , นายอรรคเดช พิมพา (Senior account representative) , นายประยุทธ์ ตั้งสงบ (Chief Technology Officer) , นายกีรติ นาคพันธุ์ (Account Manager) และ จนท. ให้การต้อนรับ
สาระสำคัญในการหารือครั้งนี้ คือ การที่ อบจ.นครพนม จะร่วมมือกับบริษัทหัวเหว่ย นำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการศึกษาให้กับชาวจังหวัดนครพนมโดยมุ่งเน้นที่การพัฒนาการผลิตสินค้าทางการเกษตรและการจัดจำหน่ายโดยใช้ระบบAIและแพลตฟอร์มเพื่อช่วยให้เกษตรกรชาวนครพนมมีองค์ความรู้ในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาพัฒนาคุณภาพของสินค้า อีกครั้งยังเพิ่มช่องทางการจำหน่ายโดยใช้การค้าระบบออนไลน์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อีกประเด็นที่สำคัญในการประชุมครั้งนี้คือการนำระบบการศึกษาสมัยใหม่ที่ตอบโจทย์อาชีพในอนาคตเข้ามาใช้ในโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครพนม ซึ่งในอนาคตจะมีการเปลี่ยนชื่อและเพิ่มระบบการศึกษา โดยจะมุ่งเน้นความเป็นเลิศด้านการศึกษาเชิงนวัตกรรมและความเป็นเลิศด้านกีฬา ซึ่งจะคำนึงถึงความต้องการและความสามารถของเด็กผู้เรียนเป็นสำคัญ
นายกฯขวัญ ได้กล่าวว่า “จังหวัดนครพนมเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์ในหลายๆด้าน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมอันดีงาม หากแต่ภาคการเกษตรก็เป็นอีกด้านที่ควรต้องได้รับการดูแลอยากเร่งด่วน ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืนโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยให้การผลิตและจัดจำหน่าย ในส่วนด้านการศึกษา ตนมีความเห็นว่า เด็กชาวนครพนมควรมีโอกาสได้รับการศึกษาเพื่อเตรียมตัวสำหรับการรับมือกับโลกอนาคตที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะอาชีพที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่และมีความจำเป็น โดยทางอบจ.ได้ตั้งคณะกรรมการในการศึกษาแนวทางพัฒนาระบบการศึกษาของโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครพนม ซึ่งในอนาคตอันใกล้อาจจะมีการเปลี่ยนชื่อเพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจที่ตั้งใจ ซึ่งเราจะเน้นความเป็นเลิศด้านกีฬาและความเป็นเลิศด้านการศึกษาเชิงนวัตกรรมเทคโนโลยี โดยจะแบ่งเด็กเป็น2กลุ่มตามความถนัดและความสนใจ”