บิ๊กโจ๊ก สั่งคัดแยก 56 เหยื่อค้ามนุษย์ หลังช่วยจากเมืองสีหนุวิวล์ กัมพูชา
บิ๊กโจ๊กสั่งคัดแยกเหยื่อค้ามนุษย์ 56 ราย หลังช่วยจากเมืองสีหนุวิวล์กัมพูชา พบ 37 ราย หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย และผู้ที่ไม่ใช่เหยื่อ 12 คน ถูกดำเนินคดี
เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงแรมวังน้ำเย็นการ์เด้นท์ ต.วังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว พร้อมด้วย นายตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ร่วมต้อนรับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรอง ผอ.ศพดส.ตร.และคณะ ลงพื้นที่ร่วมตรวจการคัดแยกค้ามนุษย์และเหยื่อคนไทยที่ถูกหลอกลวงไปทำงานผิดกฎหมายในประเทศกัมพูชา ภายหลังเจ้าหน้าที่กัมพูชาบุกเข้าช่วยเหลือกลุ่มคนไทย 32 คน ที่ส่งคลิปขอความช่วยเหลือผ่านสื่อและอื่น ๆ และที่ขอความช่วยเหลือผ่านสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ รวมทั้งหมด 56 คน หลังจากถูกนายทุนจีนขายต่อไปยังเมืองสีหนุวิวล์ ถูกกักขัง อดข้าว อดน้ำ หลายวัน พร้อมประสานส่งตัวกลับมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้เดินทางมารับตัวคนไทยกลุ่มนี้ด้วยตนเอง ก่อนนำมากักตัวตามมาตรการสาธารณสุขที่โรงแรมวังน้ำเย็นการ์เด้นฯ จนครบ 7 วัน
โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการก่อนหน้านี้ว่า กระบวนการรับตัวคนไทยหลังกลับมาจากประเทศกัมพูชาแล้ว จะมีการดำเนินการอยู่ 2 ส่วน คือการรับตัวคนไทยที่ถูกหลอกไปทำออนไลน์จริง ๆ กับ คนไทยที่สมัครใจลักลอบข้ามแดนไปทำงานฝั่งกัมพูชา ซึ่ง ศพดส.ตร.ได้ปรับแผนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะแยกดำเนินการให้ชัดเจน เฉพาะคนไทยที่สมัครใจไปทำงานในฝั่งกัมพูชา เพื่อหลอกลวงคนไทยในรูปแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยกัน นอกจากจะดำเนินคดีในการลักลอบข้ามแดนแล้ว จะเพิ่มกฎหมายในเรื่องของอาชญากรข้ามชาติเข้ามาเพิ่มเติมอีก เพื่อเป็นการเพิ่มบทลงโทษให้รุนแรงมากขึ้น ดังนั้น หลังมีการคัดแยกกลุ่มคนไทยทั้งหมดว่า เป็นเหยื่อค้ามนุษย์หรือไม่ หากไม่ใช่จะต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้มีการลักลอบออกไปอีกและเมื่อไปแล้วไม่ได้ค่าจ้างหรือเงินอื่นๆ ตามข้อตกลง ก็จะร้องเรียนขอให้เจ้าหน้าที่มีการช่วยเหลือกลับประเทศไทยอีก
ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศทั่วโลกเกี่ยวข้องกับขบวนการการค้ามนุษย์ทั้งสิ้น แต่อาจจะเป็นรูปแบบทางผ่าน ต้นทาง ปลายทาง แต่ประเทศไทยอยู่ใน 3 สถานะ เพราะงั้นรูปแบบการค้ามนุษย์ที่พบและมีปัญหามากที่สุดคือ ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีพื้นที่ติดต่อกันระหว่าง จ.สระแก้ว กับรอยต่อ ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยสิ่งสำคัญคือคนไทยทั้งถูกหลอกหลวง ถูกบังคับไปค้ามนุษย์ ไปบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาส ไปแสวงหาประโยชน์ในประเทศกัมพูชา อีกส่วนหนึ่งไปสมัครใจทำคอลเซ็นเตอร์เพื่อมาหลอกคนไทย ฉะนั้นจะมีอยู่ 2 ส่วนคือ สมัครใจ กับ ถูกบังคับ ซึ่งคนไทยที่สามารถช่วยกลับมาได้แล้วมี 600 กว่าคน จะแยกทำ 2 ส่วนคือส่วนที่เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์จะช่วยเหลือ แต่ส่วนที่ไม่ใช่เหยื่อได้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เครือข่ายการใช้โทรศัพท์ถ้าพบการกระทำความผิดจะดำเนินคดีทั้งหมด ตั้งแต่ฐานความผิด มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนในกรณีหลอกหลวงคนไทย ซึ่งรูปแบบมีทั้งหลอกโอนเงิน หลอกลงทุน ซึ่งมีคนไทยถูกหลอกหลวงจำนวนมาก และคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีคนจีนที่ใช้ชื่อคนไทย เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีคนไทยไปทำและมาหลอกกันเอง ไม่มีใครมาหลอกคนไทยได้ การจะหลอกคนในประเทศไหน ต้องใช้คนในประเทศนั้น เพราะพูดภาษาเดียวกันได้
"ทั้งนี้ จากข้อมูลรายงาน ยังพบว่า มีคนไทยอยู่ในประเทศกัมพูชาอีกประมาณ 3,000 กว่าคน กว่า 90% เข้าไปอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาได้หารือกันแล้ว และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเดินทางไปกัมพูชาในเร็ว ๆ นี้ เพื่อหารือทำการผลักดันคนไทยเหล่านี้กลับมาประเทศไทยทั้งหมด และจะทำการคัดแยกส่วนไหนเป็นเหยื่อที่ถูกบังคับต้องช่วยเหลือ ส่วนไหนเป็นคนที่ออกหมายจับไว้ ต้องจับกุมดำเนินคดีในส่วนของความผิด
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการคัดแยกเหยื่อค้ามนุษย์ในกลุ่มคนไทย 56 คนนี้ ซึ่งการคัดแยกในเบื้องต้น พบว่า มีผู้ที่ไม่ใช่เหยื่อจำนวน 12 คน ซึ่งก็จะต้องถูกดำเนินคดีฐานความผิดมีส่วนร่วมอาชญากรรมข้ามชาติและฉ้อโกงประชาชน และ มีผู้กระทำผิด ฐานหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จำนวน 37 ราย จะต้องถูกปรับชำระตาม พรบ.ตรวจคนเข้าเมืองอัตราสูงสุด