"ออดี้" นักร้องดังเดือด คอนโดถูกยกเค้าของหายเกลี้ยง เหลือแต่ห้องเปล่า
"ออดี้" นักร้องชื่อดัง เข้าแจ้งความที่ สภ.แม่ริม หลังห้องถูกยกเค้าของหายเกลี้ยง มูลค่าประมาณ 3 แสนบาท เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเรียกผู้เกี่ยวข้องสอบสวนหาความจริง
จากกรณี "ออดี้" นักร้องชื่อดัง โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Audy Thai Thanachaiboonyarat โดยระบุข้อความว่า ห้องถูกยกเค้าของหายเกลี้ยง มูลค่าประมาณ 3 แสนบาท โดยโพสต์เมื่อวันที่(11 มี.ค.65) เวลา 11.01 น. ที่ผ่านมา
"ขอบคุณสื่อมวลชนทุกช่อง ที่สนใจมาตรวจสอบที่นี่ ห้องนี้ของผมถูกยกเค้าเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่ฝักบัว เหมือนโดนแกล้ง พนักงานคอนโดคงมีส่วนร่วมแน่ๆ ผมแจ้งความแล้วเรียบร้อย ตำรวจมาตรวจพิสูจน์หลักฐานที่ห้อง แต่พนักงานคอนโดกลับออกมาโวยวายหมิ่นประมาทผม ขึ้นเสียงกับผม แทนที่พนักงานจะทำตัวเป็นกลาง แค่นี้ก็ผิดแล้ว โดนข้อหาแน่นอนนี่หรือคอนโดหรูราคาแพงที่เราซื้อมาฝาก สคบ.มาตรวจสอบด้วยนะครับ ขอบคุณครับ"
จากการสอบถามนายพสิษฐ์ ธนชัยบุญยรัตน์ หรือ ออดี้ นักร้องนักแต่งเพลงชื่อดัง ที่มีผลงานออกมาให้ได้ฟังหลายอัลบั้ม เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน ได้มาซื้อคอนโดแห่งหนึ่งใน อ.แม่ริม ไว้จำนวน 2 ห้อง ในราคาประมาณ 7 ล้านบาท โดยภายในตกแต่งพร้อมอยู่ แต่เมื่อ 2-3 ปีก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงไม่ได้เข้ามาพัก เนื่องจากมีบ้านทั้งที่กรุงเทพฯและจังหวัดเชียงใหม่อีกหลายแห่ง
ซึ่งในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เคยประกาศให้ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่หาที่กักตัวไม่ได้ให้เข้ามาใช้ห้องพักของตนเองให้การกักตัว ต่อมาเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เข้าไปที่คอนโดฯก็พบว่าของในห้องหายไปทั้งหมด เหลือเพียงห้องเปล่า จึงได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี
อย่างไรก็ตาม ห้องพักดังกล่าวตนได้เคยขายให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ผ่อนชำระได้เพียง 3-4 เดือน ก็หยุดผ่อนชำระ จึงได้เดินทางไปตกลงกัน โดยตนเองยินยอมคืนเงินที่ผ่อนชำระมาให้เพื่อให้เรื่องจบ หลังจากนั้นไม่ได้เข้าไปดูห้องดังกล่าวอีกเลย จนเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เข้าไปพบว่าของในห้องทั้งหมดถูกขนย้ายออกไป เชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้ง และเชื่อว่าพนักงานของคอนโดฯต้องมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากห้องไม่ได้มีร่องรอยการงัดแงะ
ด้าน พ.ต.ท.ขจร เรือนคำ เจ้าพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่ริม จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 21.59 น. สภ.ทุ่งสองห้อง ได้รับรายงานลงบันทึกประจำวันจากนายพสิษฐ์ ธนชัยบุญยรัตน์ หรือ ออดี้ ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุดเลขที่ 104/107 ของคอนโดแห่งหนึ่ง ในอ.แม่ริม ต.แม่ริม เนื้อที่ประมาณ 57.22 ตารางเมตร
ห้องชุดดังกล่าวอยู่ระหว่างจำนองกับ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ต่อมาผู้แจ้งได้ทำข้อตกลงกับ น.ส.อร ให้ น.ส.อร เป็นผู้เช่าซื้อห้องพัก และเป็นผู้ผ่อนชำระค่างวดในแต่ละเดือน โดยเริ่มในงวดที่ 28 เป็นต้นไป ผ่อนชำระเมื่อ 28 ม.ค. 2562) เป็นเงินงวดละ 22,933 บาท หรือตามที่ธนาคารจะเรียกเก็บจนกว่าจะครบตามสัญญา หากชำระค่างวดครบถ้วนตามสัญญาแล้วการโอนกรรมสิทธิ์ในการครอบครองจะเป็นไปตามที่จะตกลงกันต่อไป
ต่อมา นายสิษฐ์ หรือ ออดี้ ได้รับแจ้งจากธนาคารว่า งวดเดือนมีนาคม 2562 ยังไม่ได้มีการผ่อนชำระค่างวด ออดี้จึงได้ติดต่อไปยังธนาคารเจ้าของกรรมสิทธิ์ และได้นำสัญญาที่ทำไว้กับ น.ส.อร ไปชี้แจงกับธนาคารว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่ชำระค่างวด ถ้าออดี้จะชำระค่างวดให้กับทางธนาคารจะเป็นการผิดเงื่อนไขที่ทำไว้กับ น.ส.อร ซึ่งทางธนาคารเข้าใจในข้อตกลงนี้ ออดี้จึงได้มาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนั้นได้มีการเคลียร์กับ น.ส.อร โดยกรรมสิทธิ์ห้องชุดยังคงเป็นของออดี้อยู่
พ.ต.ท.ขจร เรือนคำ กล่าวต่ออีกว่า ต่อมาเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ได้รับแจ้งความจากนายพสิษฐ์ ธนชัยบุญยรัตน์ หรือ ออดี้ กรณีของภายในห้องคอนโดมิเนียมหายไปทั้งหมด เมื่อเข้าไปตรวจสอบพบห้องในอยู่ในสภาพว่างโล่งไม่มีเฟอร์นิเจอร์อยู่ภายในห้อง จึงได้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทราบว่า ก่อนหน้านี้ได้ทำการขายห้องให้กับ น.ส.อร แต่ผู้ซื้อผ่อนส่งไปประมาณ 3 เดือนและไม่ผ่อนส่งต่อ จึงได้พากับไปตกลงเพื่อเคลีร์ยเงินที่ สภ.ทุ่งสองห้อง ตั้งแต่เมื่อประมาณ ปี 62 จากการตรวจสอบเชื่อว่าของในห้องได้ผู้ซื้อขนย้ายออกไป โดยออดี้อ้างว่าไม่ทราบว่าของในห้องหายไป และเพิ่งทราบว่าของหายเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้
จากเรื่องดังกล่าวต่อทำการสอบสวนเพิ่มเติมจากออดี้ ว่าทำข้อตกลงการซื้อขายไว้อย่างไรบ้าง และ ทราบว่าของหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หากทราบว่าของหายไปตั้งแต่เมื่อปี 61 แต่ไม่ได้ดำเนินการเข้าแจ้งความจะไม่สามารถดำเนินคดีเรื่องการยักยอกทรัพย์ได้ เนื่องจากอายุความยักยอกทรัพย์มีอายุความเพียง 3 เดือน แต่เหตุการณ์ผ่านมานานมากกว่า 2 ปีแล้ว แต่หากออดี้ระบุว่าเพิ่งทราบว่าขายหายไปและเดินทางมาแจ้งความทันทียังสามารถดำเนินคดียักยอกทรัพย์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำการสอบสวนพยานแวดล้อมรวมทั้งเรียกผู้ซื้อเข้ามาสอบปากคำ อีกครั้งก่อนจะดำเนินการต่อไป
ข่าวโดย นิศานาถ กังวาลวงศ์ จ.เชียงใหม่