สภานักศึกษา มข. ประณาม "รับน้องโหด" กรณี "น้องเปรม" ถูกรุ่นพี่รุมทำร้ายเสียชีวิต

วันนี้ 16 มีนาคม 2565 เวลา 11.00 น. ที่อาคารสภานักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. นายวชิรวิทย์ เทศศรีเมือง นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ “เซฟ ขอนแก่นพอกันที” ในฐานะประธานสภานักศึกษาฯ พร้อมด้วย นายศิวกร นามนวด นักศึกษาชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น และนายชานน อาจณรงค์ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกันอ่านแถลงการณ์สภานักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น

 จากเหตุการณ์รับน้องนอกสถานที่อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต โดยแถลงการณ์ดังกล่าว ระบุว่า ในวันที่ 14 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา แฟนเพจเฟซบุ๊ก “ANTI SOTUS” ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจ ถึงการเสียชีวิตของนายพัสยศ ชลภักดี หรือ เปรม นักศึกษา ปวส. ชั้นปีที่1 มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา โดยระบุว่า การรับน้องดังกล่าวเป็นการรับน้องนอกมหาวิทยาลัย ห่างจากมหาวิทยาลัยเป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ผู้เสียชีวิตและเพื่อนได้เข้าร่วมการรับน้องกับรุ่นพี่ปี 2 รวมกัน 60 คน รุ่นน้องที่เข้าร่วมกิจกรรมต่างถูกกดขี่ กลั่นแกล้ง และทำร้ายร่างกายอย่างหนัก โดยผู้เสียชีวิตคือผู้ที่ถูกกระทำหนักที่สุด

 ภายหลังจากการเสียชีวิต รุ่นพี่ที่เป็นผู้จัดกิจกรรมรับร้องให้การว่า สาเหตุเกิดจากผู้เสียชีวิตเล่นกีฬาฟุตบอลและเกิดอาการช็อค ก่อนที่จะให้รับสารภาพว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากการถูกทำร้ายร่างกายจากผู้จัดกิจกรรม จากคำให้การดังกล่าวรุ่นพี่ถูกตั้งข้อหาความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ส่งผลให้ทางครอบครัวต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ซึ่งผู้เสียชีวิตนั้นเป็นดั่งความหวังของครอบครัว สภานักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียและเพื่อนนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา จากเหตุการณ์รับน้องดังกล่าว สภานักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอแสดงจุดยืนอย่างหนักแน่นในหลักการประชาธิปไตย ยึดมั่นในหลักการสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียม 

จึงขอประณามและต่อต้านการกระทำอันโหดร้ายกดขี่ข่มเหงเพื่อนมนุษย์ แม้ระบบอำนาจนิยมยังคงกระจายอยู่ในหลายมหาวิทยาลัย สภานักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น จะขอรณรงค์ทางความคิดและทลายระบบอำนาจนิยมให้หมดไป

นายวชิรวิทย์ ยังกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันยอมรับว่าระบบ SOTUS หรือ ระบบอำนาจนิยมยังคงมีให้เห็นอยู่ในสังคมไทย และในหลายมหาวิทยาลัย แม้แต่ในมหาวิทยาลัยขอนแก่นเองก็มี ซึ่งตนเองคิดว่าในสังคมบริบทการเมืองในปัจจุบัน มันควรจะหมดไปได้แล้ว เพราะเราต่างเป็นมนุษย์เหมือนกัน เราต่างเคารพความเท่าเทียม ระบบดังกล่าวจึงควรที่จะยุติไปได้แล้ว เพราะเป็นระบบที่หล้าหลังมากๆ หากเรายังรักษาระบบนี้ไว้ ก็เท่าเป็นการบ่มเพาะจุดเริ่มต้นของระบอบเผด็จการและอำนาจนิยม ที่กดขี่ความเป็นมนุษย์ ถ้าปล่อยให้ระบบนี้มีอยู่ตั้งแต่ในรั้วมหาวิทยาลัย ก็จะทำให้คนที่มีความคิดเป็นเผด็จการเติบโตไปในสังคม

 ดังนั้นเราต้องรณรงค์และช่วยกันกำจัดระบบเหล่านี้ให้หมดไปจากรั้วมหาวิทยาลัย เพราะหากในรั้วมหาวิทยาลัยเรายังไม่สามารถเอาชนะได้ เราก็จะไม่สามารถต่อสู้กับระบบเผด็จการที่จะเติบโตไปสู่การเป็นคณะรัฐประหารได้ ซึ่งท้ายที่สุดก็จะเกิดความสูญเสียตามมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า