แม่ฮ่องสอน ครองแชมป์ต่อเนื่อง 5 วันติด จุดความร้อนมากสุด
GISTDA เผยพบจุดความร้อนทั้งประเทศ 337 จุด แม่ฮ่องสอน ครองแชมป์ต่อเนื่อง 5 วันติด และค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อยู่ที่ระดับ 99 ซึ่งถือว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพ
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)หรือ GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) วันที่ 15 มีนาคม 2565 พบจุดความร้อนทั้งประเทศ 337 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 107 จุด พื้นที่เกษตร 76 จุด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 72 จุด พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 42 จุด พื้นที่เขตสปก. 37 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 3 จุด
ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุดทางภาคเหนือยังคงเป็น
- แม่ฮ่องสอน 81 จุด ครองแชมป์ต่อเนื่อง 5 วันติด
- กาญจนบุรี 20 จุด
- นครพนม 20 จุด ตามลำดับ
จากภาพแสดงให้เห็นว่าจุดความร้อนเบาบางลงจากวันก่อนเนื่องจากเกิดฝนตกในบางพื้นที่ แต่ยังคงพบมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเหมือนเคย ซึ่งวันนี้พบ 137 จุด คาดว่าน่าจะเกิดจากการเผาในกิจกรรมการเกษตร ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่ 1 มกราคม – 15 มีนาคม 2565 พบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อนแล้ว 11,370 จุด ตามด้วยภาคเหนือ 9,460 จุด และภาคกลาง 5,721 จุด ตามลำดับ
ส่วนเช้าวันนี้เวลา 09.00 น. หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ มีค่าเฉลี่ยคุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) อยู่ในระดับปานกลางผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอาจต้องระวังเป็นพิเศษ ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (Air Quality Index : AQI) แม่ฮ่องสอนพบค่าอยู่ที่ระดับ 99 ซึ่งถือว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพ
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้าน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ครองแชมป์ต่อเนื่องวันที่ 17 ซึ่งวันนี้พบ 4,673 จุด รองลงมาอันดับ 2 เป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 1,185 จุด และอันดับที่ 3 เป็นประเทศไทย จำนวน 337 จุด ตามลำดับ ข้อมูลจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ pm 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัยกันด้วยนะครับ
ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THOES-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่ ท่านสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th