สรุปเหตุ "พายุฤดูร้อน" ถล่ม 31 จังหวัด บ้านเรือนเสียหายกว่า 5 พันหลัง
ปภ. สรุปเหตุ "พายุฤดูร้อน" พัดถล่มพื้นที่ 31 จังหวัด บ้านเรือนเสียหาย 5,003 หลัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 65 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย รายงานสถานการณ์พายุฤดูร้อน ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทําให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้กําลังอ่อนพัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทําให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่
โดยตั้งแต่วันที่ 13 - 20 มี.ค. 65 มีสถานการณ์พายุฤดูร้อนในพื้นที่ 31 จังหวัด ได้แก่
- ตาก เชียงใหม่ พิษณุโลก เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร ลำปาง เพชรบูรณ์ แม่ฮ่องสอน
- เลย หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ อุบลราชธานี ชัยภูมิ นครราชสีมา ศรีสะเกษ
- ปราจีนบุรี อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี สระบุรี นครสวรรค์ และอ่างทอง
รวม 85 อำเภอ 192 ตำบล 605 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 5,003 หลัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย (ศรีสะเกษ) ไม่มีผู้เสียชีวิต แยกเป็น
ภาคเหนือ
12 จังหวัด รวม 39 อำเภอ 116 ตำบล 440 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 4,224 หลัง ดังนี้
1. ตาก เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพบพระ อำเภอสามเงา และอำเภอเมืองตาก รวม 6 ตำบล 11 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 184 หลัง
2. เชียงใหม่ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่แจ่ม อำเภอจอมทอง และอำเภอเชียงดาว รวม 3 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 37 หลัง
3. พิษณุโลก เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชาติตระการ และอำเภอวังทอง รวม 6 ตำบล 8 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 43 หลัง
4. เชียงราย เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่สรวย และอำเภอเวียงป่าเป้า รวม 10 ตำบล 32 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 125 หลัง
5. พะเยา เกิดวาตภัยในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพะเยา อำเภอปง อำเภอแม่ใจ อำเภอจุน อำเภอภูกามยาว และอำเภอดอกคำใต้ รวม 32 ตำบล 204 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 2,636 หลัง
6. น่าน เกิดวาตภัยในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปัว อำเภอท่าวังผา อำเภอเชียงกลาง อำเภอแม่จริม อำเภอเมืองน่าน อำเภอภูเพียง และอำเภอเวียงสา รวม 21 ตำบล 52 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 305 หลัง
7. แพร่ เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอวังชิ้น รวม 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 93 หลัง
8. อุตรดิตถ์ เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอฟากท่า รวม 2 ตำบล 7 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 31 หลัง
9. กำแพงเพชร เกิดวาตภัยในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกำแพงเพชร อำเภอโกสัมพีนคร อำเภอคลองขลุง อำเภอขาณุวรลักษณบุรี อำเภอไทรงาม อำเภอบึงสามัคคี อำเภอลานกระบือ และอำเภอทรายทองวัฒนา รวม 25 ตำบล 97 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 713 หลัง
10. ลำปาง เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวังเหนือ อำเภอเถิน และอำเภอสบปราบ รวม 5 ตำบล 7 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 13 หลัง
11. เพชรบูรณ์ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหล่มเก่า และอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ รวม 3 ตำบล 8 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 42 หลัง
12. แม่ฮ่องสอน เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 2 หลัง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
12 จังหวัด รวม 30 อำเภอ 56 ตำบล 135 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 684 หลัง ดังนี้
1. เลย เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองเลย และอำเภอปากชม รวม 3 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 28 หลัง
2. หนองคาย เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอรัตนวาปี และอำเภอเมืองหนองคาย รวม 5 ตำบล 20 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 40 หลัง
3. อุดรธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอบ้านผือ รวม 2 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 16 หลัง
4. หนองบัวลำภู เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนากลาง และอำเภอศรีบุญเรือง รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 28 หลัง
5. กาฬสินธุ์ เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอหนองกุงศรี รวม 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 63 หลัง
6. ยโสธร เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเลิงนกทา รวม 3 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 6 หลัง
7. อำนาจเจริญ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชานุมาน และอำเภอเสนางคนิคม รวม 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 53 หลัง
8. สุรินทร์ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอรัตนบุรี อำเภอบัวเชด และอำเภอกาบเชิง รวม 6 ตำบล 13 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 121 หลัง
9. อุบลราชธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสำโรง อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอน้ำยืน รวม 5 ตำบล 6 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 34 หลัง
10. ชัยภูมิ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอหนองบัวแดง อำเภอเทพสถิต อำเภอเนินสง่า และบ้านเขว้า รวม 9 ตำบล 22 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 150 หลัง
11. นครราชสีมา เกิดวาตภัยในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโนนสูง อำเภอด่านขุนทด อำเภอพิมาย อำเภอโนนไทย และอำเภอประทาย รวม 12 ตำบล 25 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 81 หลัง
12. ศรีสะเกษ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกันทรารมย์ อำเภอภูสิงห์ และอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ รวม 5 ตำบล 14 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 64 หลัง
ภาคตะวันออก
1 จังหวัด รวม 4 อำเภอ 7 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 15 หลัง ดังนี้
- ปราจีนบุรี เกิดวาตภัยในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีมโหสถ อำเภอนาดี อำเภอศรีมหาโพธิ และอำเภอกบินทร์บุรี รวม 7 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 15 หลัง
ภาคกลาง
6 จังหวัด รวม 12 อำเภอ 13 ตำบล 21 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 80 หลัง ดังนี้
1. อุทัยธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านไร่ อำเภอหนองหย่าง และอำเภอเมืองอุทัยธานี รวม 4 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 19 หลัง
2. ชัยนาท เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหนองมะโมง อำเภอหันคา และอำเภอวัดสิงห์ รวม 3 ตำบล 7 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 44 หลัง
3. สระบุรี เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอมวกเหล็ก และอำเภอหนองแซง รวม 2 ตำบล 5 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 7 หลัง
4. นครสวรรค์ เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอไพศาลี รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 2 หลัง
5. สิงห์บุรี เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสิงห์บุรี และอำเภอพรหมบุรี รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 3 หลัง
6. อ่างทอง เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอไชโย รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 5 หลัง
ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่สำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว ท้ายนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง