กะเหรี่ยงปิดเส้นทางเมียวดี กระทบค้าชายแดน

กะเหรี่ยงปิดเส้นทางเมียวดี กระทบค้าชายแดน

อดีต ปธ.หอการค้าตาก เผย ปิดเส้นทางสายเมียวดี-กอกาเลก กระทบการค้าชายแดน ชะลอการสั่งสินค้า

เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 65 นายพรรพต ก่อเกียรติเจริญ อดีตประธานหอการค้า จ.ตาก กล่าวถึงการการปิดเส้นทางสายเมียวดี กอกาเลก ในฝั่งประเทศเมียนมา ตรงข้ามอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ว่า พ่อค้า นักธุรกิจที่ส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากไม่สามารถขนส่งสินค้าไป ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และตอนแรกได้ข่าวว่ามีการประกาศจากชนกลุ่มน้อย บางคนก็ไม่เชื่อ ต่อมามีการยิงเผารถยนต์ 2 – 3 ครั้ง และมีคนถูกยิงเสียชีวิต ถามว่า จะยืดเยื้อหรือไม่ นั้น มันเป็นปัญหาภายในของประเทศเมียนมา และจากเดิมที่ผ่านมามีการสู้รบกับฝ่ายกะเหรี่ยง แต่ปัจจุบันมีประชาชนบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐไปร่วมกับชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง ซึ่งทางพม่าต้องใช้เวลาแก้ปัญหา
 

นายบรรพต กล่าวว่า เส้นทางเมียวดีไปยังย่างกุ้ง ถือว่ามีความสำคัญที่สุด เพราะเส้นทางการค้าที่ส่งสินค้าไทย และสินค้าพม่าไปยังย่างกุ้ง และมีสินค้าบางอย่างถูกส่งไปอินเดีย สำหรับมูลค้าการซื้อขายชายชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด ขณะนี้มีมูลค่าสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หรือช่วงใกล้เทศกาลสงกรานต์มีมูลค่าสูง 7,900 – 8,600 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเป็นช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 4,600 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเคเอ็นยู.แจ้งว่า การสู้รบระหว่างฝ่ายต่อต้านกับฝ่ายทหารเมียนมา ทำให้ราษฎรกะเหรี่ยง กว่า 30,000 คน จ่อข้ามมายังชายแดนไทย แต่ขณะนี้ยังอยู่ตะเข็บชายแดนฝั่งเมียนมาอยู่ เพราะชาวบ้านไม่สามารถอาศัยอยู่ในฝั่งเมียนมาได้

สำหรับการสัญจรไปมาถนนสายเมียวดี-กอกาเลก ยังมีชาวเมียนมาที่ใช้รถยนต์ขนาดเล็กไปมายังถนนสายเก่า เพราะไม่มีใครใช้ถนนสายใหม่ ซึ่งถนนสายเอเชีย ที่ทางฝ่ายไทยสร้างให้ เนื่องจาก ฝ่ายกะเหรี่ยงได้เข้ายึดพื้นที่ในบางจุดไว้

ล่าสุด ทหารเมียนมาใช้อาวุธปืนค.120 ยิงใส่หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง ในพื้นที่ จ.จาอินเสกจี และจังหวัดโจงดี ทำให้ชาวบ้านหลายหมู่บ้านต้องทิ้งบ้านออกไปยังจุดที่ปลอดภัย ทำให้บ้านเรือนราษฎร และวัดได้รับความเสียหาย