เปิดพฤติกรรม "นายเนย" ยักยอกเงินวัด 190 ล้าน ใช้อุบายหลอก "สมเด็จพระวันรัต"
เบื้องลึก เปิดพฤติกรรม "นายเนย" ขโมยยักยอกเงินวัด 190 ล้าน ใช้อุบายหลอก "สมเด็จพระวันรัต" เบื้องหน้าและเบื้องหลังข่าวดัง
ความคืบหน้า จากกรณีตำรวจกองปราบปราม จับกุมตัว "คนใกล้ชิด" ของ "สมเด็จพระวันรัต" วัดบวรนิเวศฯ ที่มรณภาพนั้น ล่าสุดมีรายงานเปิดพฤติกรรม "นายเนย" คนตระกูลดัง ยักยอกเงินวัด 190 ล้าน ใช้อุบายหลอก "สมเด็จพระวันรัต"
ข้อมูลเชิงลับ เปิดเผย ฐานเศรษฐกิจ เล่าถึงพฤติกรรมของ นายเนย นามสมมติ นามสกุลตระกูลดัง ปัจจุบันทำงานอยู่กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ระดับประเทศของเจ้าสัวรายใหญ่คนหนึ่ง
อาศัยความสนิทและความไว้เนื้อเชื่อใจของคนรอบข้างสมเด็จพระวันรัต ดำเนินการยักยอกเงินของสมเด็จพระวันรัต ในส่วนของการบูรณะวัดบวรนิเวศและวัดสาขา
”กรุงเทพธุรกิจ” ได้รับข้อมูลชุดซึ่งคณะกรรมการวัด ได้ประสานให้ดำเนินการตรวจสอบในทางลับ จนนำไปสู่ข้อกล่าวหา “ฉ้อโกง” และ “ปลอมแปลงเอกสาร” ในเบื้องต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรฯ มรณภาพอย่างสงบ ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
- มรดกธรรม 5 เรื่องที่"สมเด็จพระวันรัต"สืบสานพุทธศาสนา
- ด่วน! ตร.รวบลูกศิษย์ 'สมเด็จพระวันรัต' ยักยอกทรัพย์ 200 ล้าน
- วัดบวรฯ แถลงจับคนยักยอกทรัพย์ในส่วนที่ "สมเด็จพระวันรัต" ดูแลได้แล้ว
การยักยอกทรัพย์เกิดขึ้นครั้งใหญ่ ในช่วงที่ สมเด็จพระวันรัต เข้ารับการรักษาอาการอาพาทที่โรงพยาบาล เนยเป็นไม่กี่คนที่สามารถเข้า-ออก ห้องรักษาตัวได้อย่างสนิทใจ แต่กลับพบว่าเป็นการเข้าไปดำเนินการยักยอกทรัพย์
“ในช่วงที่สมเด็จพระวันรัตท่านป่วย นายเนยได้เข้าไปเยี่ยมหลายครั้ง และมีการยักยอกเงินวัด ออกไปในช่วงนั้น โดยนายเนย ได้มีการปลอมบัญชีปลอมลายเซ็นของสมเด็จพระวันรัตในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวงเงินเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์วัด โดยทยอยเบิกเงินอยากหยอกจากบัญชีออกไปคราวละ 30 ล้าน 80 ล้านบาท” แหล่งข่าวให้ข้อมูล
เมื่อนายเนยได้เงินมา ไม่ได้เก็บเป็นเงินสด แต่นำเงินไปซื้อบ้าน รถหรูยี่ห้อดัง อาทิ ลัมโบร์กีนี เฟอร์รารี รวมทั้งซื้อ เพชร ทอง นาฬิกาหรูมาสวมใส่จนทำให้บุคคลในวัดบวรด้วยกันเองและคนรอบข้างก็สงสัยว่านายเนยนำเงินมาจากไหนมากมายขนาดนั้น
เปิดพฤติกรรมและเส้นทางยักยอกทรัพย์
ปลายเดือนพฤศจิกายน 2564 นายเนย นามสมมุติ ซึ่งเป็นคนใกล้ชิด ฝ่ายฆราวาสของสมเด็จพระวันรัต ได้ใช้อุบาย หลอกลวงให้สมเด็จพระวันรัต ลงลายมือชื่อในใบถอนเงิน
จากนั้น นายเนย ได้นำใบถอนเงินฉบับดังกล่าวมาเขียนจำนวนเงินตามที่ตนเองต้องการ แล้วนำไปแสดงต่อพนักงานธนาคารกสิกรไทย แห่งหนึ่ง เพื่อถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของวัดวชิรธรรมาราม
ต้นเดือนมกราคม 2565 นายเนย ยังคงใช้อุบายหลอกลวงให้สมเด็จพระวันรัต ลงลายมือชื่อในใบถอนเงิน แล้วนำมาเขียนจำนวนเงินตามที่ตนเองต้องการ อีกเช่นเคย แต่ในครั้งนี้ นายเนย ได้มอบหมายให้ผู้ใกล้ชิดของสมเด็จพระวันรัตอีกคนหนึ่ง เป็นผู้นำใบถอนเงินฉบับดังกล่าวไปแสดงต่อพนักงานธนาคารกสิกรไทย เพื่อถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของวัดวชิรธรรมาราม แล้วให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายทำธุรกรรมซื้อแคชเชียร์เช็คของธนาคารกสิกรไทย สั่งจ่ายให้แก่ นายเนย
จากนั้น นายเนยได้นำแคชเชียร์เช็คไปฝากเข้าบัญชีเงินฝากของตนเอง ทางวัดวชิรธรรมารามได้ตรวจพบการทุจริตของนายเนย จึงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายเนย ตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ในวันที่ 22 มีนาคม 2565
ต่อมา หลังจากที่เจ้าอาวาสวัดวชิรธรรมาราม ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายเนย ตามกฎหมาย แล้ว ทางวัดบวรนิเวศวิหาร เชื่อว่านายเนย น่าจะทุจริต เอาเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดของวัดบวรนิเวศวิหาร ไปด้วย
ผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร จึงมีคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สินของสมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารด้วย โดยจากการตรวจสอบ พบว่า สมเด็จพระวันรัต ได้เปิดบัญชีเงินฝากส่วนตัว และบัญชีที่เกี่ยวข้องกับวัดบวรนิเวศวิหาร ไว้กับธนาคารกสิกรไทย จำนวนหลายบัญชี ซึ่งเมื่อประมาณปลายเดือนตุลาคม 2564 นายเนย ได้นำสมุดบัญชีเงินฝากจำนวนหลายเล่ม และบัตรประจำตัวประชาชนของสมเด็จพระวันรัต พร้อมโทรศัพท์มือถือของนายเนย มามอบให้บุคคลใกล้ชิดของสมเด็จพระวันรัตอีกคนหนึ่ง แล้วสั่งการให้บุคคลใกล้ชิดดังกล่าวนำไปติดต่อกับพนักงานธนาคาร เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลเครื่องโทรศัพท์ที่ใช้ในการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
หลังจากนั้น นายเนย ได้ใช้โทรศัพท์มือถือของตนเองทำธุรกรรมโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของสมเด็จพระวันรัต และบัญชีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดบวรนิเวศวิหาร มายังบัญชีเงินฝากของตนเอง เป็นเหตุให้วัดวชิรธรรมาราม ได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวน 80 ล้านบาทเศษ และวัดบวรนิเวศวิหาร ได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวน 100 ล้านบาทเศษ
รวมความเสียหายของทั้งสองวัด เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 190 ล้านบาทเศษ การกระทำของ นายเนย จึงเป็นความผิดฐาน ฉ้อโกง, ลักทรัพย์, ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม และฟอกเงิน โดยวัดบวรนิเวศวิหาร ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายเนย ในวันที่ 1 เมษายน 2565
โดยในวันที่ 23 มีนาคม 2565 พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการออกหมายจับ นายเนย และสามารถจับกุมตัวนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้แล้ว และจากการตรวจค้นบ้านพักของ นายเนย พบทรัพย์สิน เป็นจำนวนมาก อาทิ รถยนต์หรู ยี่ห้อเบนลี่ ยี่ห้อปอร์เช่ ยี่ห้อวอลโว่ ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ยี่ห้อเล็กซัส , เงินสด , เงินฝากในบัญชี , อสังหาริมทรัพย์ , กระเป๋าแบรนเนม , พระเครื่องทองคำ รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้ประสานงานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อดำเนินการต่อไป
นักวิชาการศาสนา ชี้ "สมเด็จพระวันรัต" ไม่มีเงินส่วนตัว
นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Jaturong Mantaso Jongarsa โดยสรุปได้ดังต่อไปนี้
สมเด็จรูปนี้ไม่มีเงินส่วนตัว
เห็นข่าวกรณี นายเนย อมเงินวัดไปหลายร้อยล้าน เห็นหลายคนแทนที่จะด่าโจร กลับมาด่าพระ ผมขอชี้แจงตามความรู้อันน้อยนิดของผมดังนี้นะครับ
1. สมเด็จฯ ไม่มีเงินส่วนตัวนะครับ ส่วนใหญ่จะเป็นบัญชีวัดที่ท่านปกครองหรือเคยปกครอง ทั้งในนามเจ้าอาวาส (วัดบวรฯ) ในนามรักษาการเจ้าอาวาส (วัดมกุฏฯ/วัดตรีฯ) ในนามวัดที่ท่านสร้างเองกับมือ (ตราด/บางปะหัน) และในนามมูลนิธิฯ ต่าง ๆ
2. บัญชีส่วนตัวเดียวที่มีคือบัญชีปี 43 ในนามพระพรหมมุนี (ยศในขณะนั้น) ซึ่งเป็นบัญชีตาย ไม่เคยถอนทิ้งไว้เฉย ๆ ไม่มีใครทราบยอด
3. บัญชีเพื่อสาธารณกุศล เช่น สมเด็จพระวันรัตเพื่อกองทุนโรคหัวใจ หรือ สมเด็จพระวันรัตเพื่อพระบาลี เป็นต้น
4. สมเด็จฯ ถือเรื่องการจับเงิน ไม่รับเงินมาก ๆ และการที่สมเด็จเป็นธรรมยุติไม่จับ/รับเงินนี้เอง โจรมันเลยอาศัยโอกาสนี้ในการเข้าถึงธุรกรรมทางการเงินของสมเด็จฯ ที่มีในวัดต่าง ๆ /องค์กรสาธารณกุศลต่าง ๆ ในช่วงที่สมเด็จฯ รักษาตัวในโรงพยาบาล
ดังนั้น การที่คนขับรถธรรมดา จะไปถอนเงินออกจากบัญชีต่าง ๆ เหล่านี้ได้ เราควรโทษพระเหรอครับ ทำไมไม่ ด่าโจร ด่าระบบสถาบันการเงิน ที่ปล่อยให้โจรเอาเงินออกไปจากระบบ แต่กลายเป็นสังคมทำไมต้องมาก่นด่าพระ โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย
ย้ำนะครับ
คนตายไม่เคยสะสมทรัพย์สินส่วนตัว มีแต่ดูแลทรัพย์สินคณะสงฆ์ส่วนกลาง ดูแลทรัพย์สินคณะธรรมยุติ ดูแลทรัพย์สินวัด ดูแลทรัพย์สินสาธารณกุศล
อย่าไปป้ายสีคนตายว่าเอาเงินไปให้กัน คนตายพูดไม่ได้ แต่เส้นทางทางการเงินที่ตำรวจมีมันชัดนะครับ ว่า.....สมเด็จฯท่านไม่ได้ให้ แต่โจรมันยักย้ายออกมาเอง
อย่าไปด่าพระ กรุณาด่าโจร
เข้าใจตรงกันนะครับ